Tayuban เป็นการเต้นรำประจำปีในพิธีทางศาสนาที่จัดขึ้นในหมู่บ้านของชวา ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากที่มีพิธีแจกจ่ายอาหาร ก็จะมีกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ รวมทั้งการเต้นรำ นักเต้นรำ Tayuban จะเป็นสตรีซึ่งมีอาชีพเฉพาะในการเต้นรำ ระหว่างการรำก็จะมีชายหนุ่มในหมู่บ้านเข้ามาร่ายรำด้วย บางทีก็ไม่สุภาพซึ่งก็มีผู้กล่าวหาว่าพวกเขาเหล่านี้จะทำให้ tayuban`'เสื่อมเสียจากการเป็นวัฒนธรรมของชาติ จุดมุ่งหมายของการเต้นรำนี้เพื่อเป็นของขวัญให้กับวิญญาณให้ช่วยป้องกัน ชุมชน ให้มีความเป็นอยู่ดีและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนด้วย
เป็นภาพยนตร์สารคดีถ่ายทำที่เมืองกัลกัตในประเทศอินเดีย ในระหว่างงานเทศกาลฉลองเทพี Durga ซึ่งชาวฮินดูถือว่าเป็นเทพเจ้าเหนือความชั่วร้ายทั้งปวง ดังนั้นจะได้มาช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปด้วย งานจัดขึ้นทุกปีประมาณเดือนตุลาคม งานเทศกาลดังกล่าวประกอบด้วยพิธีสัการะด้วยไฟ และสิ่งของสัการะอื่นๆ จากนั้นจึงเป็นขบวนแห่เทพี Durga และเทพเจ้าอื่นๆ และนำรูปปั้นทั้งหมดแห่ลงแช่ในแม่น้ำเป็นอันจบพิธี รูปปั้นทั้งหมดทำจากฟางและดินเหนียว ในภาพยนตร์ได้พาไปชมขั้นตอนการสร้างรูปปั้นทั้งหมดซึ่งล้วนแล้วแต่ทำมาจาก ฟางข้าวนำมามัดเป็นรูปร่างตามที่ต้องการ พอกด้วยดินเหนียว และตกแต่งให้สวยงามเหมือนจริง
เกาะ Botel Tabogo ของประเทศไต้หวันมีประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มีเรียกว่าพวก Yami ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำไร่ และประกอบอาชีพทางการประมง ผู้คนที่นี่อยู่กันด้วยการแบ่งปันอาหารซึ่งกันและกัน เมื่อมีผลผลิตทางการเกษตรก็จะนำมารวมกันประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อจากนั้น ก็แบ่งปันในจำนวนที่เท่าๆกัน เช่นเดียวกับการทำประมงเมื่อได้ปลาจากการออกทะเลก็นำมาแบ่งปัน ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้นำเสนอความเป็นอยู่ของชาว Yami ในหลายแง่มุมด้วยกัน อาทิ สภาพทั่วไปของความเป็นอยู่ สภาพบ้านเรือน รวมทั้งงานศิลปะ เป็นต้น
เวียงจันทน์เมืองหลวงที่เงียบสงบของประเทศลาวมีประเพณีการแข่งเรือเพื่อเป็น การเฉลิมฉลองและสักการะพญานาค "nagas" (water spirits) ตามความเชื่อที่มีมาช้านานว่าเป็นผู้นำมาซึ่งความชุ่มฉ่ำของพื้นที่เพื่อ เอื้อประโยชน์ต่อการเพาะปลูก พบกับพิธีกรรม ความเชื่อ ความสนุกสนานจากภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้
Vientiane, the capital of a peaceful country with a regatta to celebrate and worship the dragon "nagas" (water spirits) based on the belief that there is a long history as a leader the juiciness of the area to benefit the nursery. planting. The rituals, beliefs, the fun of this film.
This film tells with verve and a touch of self-irony the history of research on the Dogon since the famous 1931 expedition of Marcel Griaule. The film establishes the original expedition in the context of French anthropology at the time. Jean Rouch, celebrated filmmaker and less known as an anthropologist on the Dogon, narrates part of the story, and interviews Dogon elders and veteran expedition-member, Germaine Dieterlen.
ฮากกา Hakka เป็นชาวจีนฮั่นที่ พูดภาษาฮากกาอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซี และฝูเจี้ยน ของประเทศจีน ที่มณฑลฝูเจี้ยนที่ตั้งถิ่นฐานเดิมของชาวจีนฮากกาเมื่อครั้งเดินทางอพยพเข้า มาทางตอนเหนือของจีน และได้ผ่านแม่น้ำ Tingjiang จากนั้นได้เดินทางไปยังมณฑลกวางตุ้งและส่วนอื่นของจีน ดังนั้นแม่น้ำ Tingjiang ถือว่ายังเป็นแม่น้ำแม่ของชาวฮากกา ที่มณฑลฟูเจี้ยถิ่นที่อาศัยของชาวฮากกามีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของอาคารที่มี เอกลักษณ์ไม่ไม่เหมือนใครเป็นที่รู้จักกันในชื่อ TU Lou ในอักษรจีนหมายถึงโครงสร้างดิน อาคารของ TU Lou จะมีลักษณะทรงกลมหรือสี่เหลี่ยม ได้รับการออกแบบเหมือนป้อมปราการขนาดใหญ่ที่รวมกันและมีหลายพาร์ทเมนต์ที่ ซับซ้อนอาคาร มีทางเข้าเพียงทางเดียว ไม่มีหน้าต่างที่ชั้นระดับพื้นดิน ในแต่ละชั้นจะได้การจัดสรรพื้นที่ใช้สอย เช่น ชั้นแรกเป็นที่พักปศุสัตว์ ชั้น 2 เก็บรักษาอาหาร และชั้นสามและสูงกว่าที่มีพื้นที่ใช้สอย TU - Lou ถูกสร้างขึ้นเพื่อต้านทานการโจมตีจากโจร ชาวฮากกกามีวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ รวมทั้งความเชื่อที่เป็นของชุมชน ดังนั้นในแต่ละปีก็จะมีการจัดการเฉลิมฉลองขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดยผู้กำกับชาวกัมพูชาชื่อ Rithy Panh เขามีผลงานซึ่งเคยได้รับรางวัลมาแล้วจากเรื่อง S21 : The Khmer Rouge Killing Machine. Panh เป็นผู้ที่หนีรอดความตายจากค่ายแรงงานเขมรแดงในปี 1979 ภาพยนตร์เรื่อง Rice people นำเสนอเรื่องราวของการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเกษตรกรชาวกัมพูชา ต้องต่อสู้กับความยากจน อันตรายจากธรรมชาติ ความเจ็บป่วย กว่าจะได้ผลผลิตข้าว ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของการต่อสู้ของครอบครัว Poeuv และ Om ที่ต้องเริ่มต้นต่อสู้กับอันตรายที่อยู่ในท้องทุ่งนา อย่างเช่น งูเห่า น้ำท่วม การเกิดโรคต่อต้นข้าวที่กำลังเติบโต เมื่อ Poeuv ตายจากการติดเชื้อที่เกิดจากการเหยียบหนามในขณะไถนา Om ต้องรับภาระในการเลี้ยงดูลูกสาวทั้งเจ็ดคนปัญหาที่ตามมาอย่างหนักหน่วงคือ ไม่มีเงินเลี้ยงดูบุตร ภาพยนตร์พาเราเข้าไปสู่การต่อสู้ปัญหาซึ่งเสมือนได้เข้าอยู่ท่ามกลางดินโคลน ในท้องนาด้วย ซึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ถูกผูกมัดแนบแน่นกับการมีชีวิตรอดของข้าวในนา ซึ่งหากไม่ได้ผลผลิตก็เหมือนกับสูญสิ้นชีวิตไปด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลักพาตัวเจ้าสาว, ประเพณีการแต่งงานโบราณในคีร์กีซสถาน, อดีตสาธารณรัฐสหภาพโซเวียตตั้งอยู่ในเอเชียกลาง เมื่อคนคีร์กีซตัดสินใจที่จะแต่งงานเขามักจะติดตามตัวผู้หญิงที่เขาเลือก โดยฝ่ายชายและเพื่อน ๆ จะเช่ารถและฉุดตัวฝ่ายหญิงและพาเธอไปยังบ้านของครอบครัวของเจ้าบ่าว และจะเชิญญาติของฝ่ายหญิงมาเจรจา ถามไถ่ว่าฝ่ายหญิงจะยอมรับหรือไม่ และเธอจะตกลงที่จะแต่งงานกับฝ่ายชายหรือไม่ สมัยก่อนมักจะตกลงกันได้และแต่งงานกันบางคู่ก็มีชีวิตที่ดี แต่บางคู่ก็มีปัญหา ในปัจจุบันการกระทำอย่างนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิสตรีอย่างมาก ติดตามเรื่องราวได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
วิดีโอเรื่องนี้นำเสนอชีวิตและความเป็นอยู่ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและศาสนา ของชาวพุทธในประเทศภูฏาน จำนวน 6 ประเพณีด้วยกันคือ 1 Lhabon (Trongsa) พิธีทางศาสนาจำนวนสามวัน โดยเชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่หมู่บ้านวิลเลจได้แก่ความสมบูรณ์ของ วัว ผลผลิตจากการเพาะปลูกที่ดี, ฤดูกาลและสุขภาพที่ดี 2 Jachung Michung (Bumthang) ประเพณีเต้นรำหน้ากากจัดทุกๆ 2 ปีเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และนำสิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต 3 Hungla (Trashiyantse) พิธีทางศาสนาจัดสามวันเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากโรคภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ 4 Karphu (Zhemgang) พิธีทางศาสนาจำนวนสามวันเพื่อนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีกับคน สัตว์และผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ 5 Tang Rabney (Bumthang) พิธีทางศาสนาประจำปีจัดจำนวนสามวันเพื่อเฉลิมฉลองรากฐานของ Namkha Ihakhang และนำความเจริญรุ่งเรืองสู่หมู่บ้าน 6 Aoley Laya (Gasa) พิธีเฉลิมฉลองประจำปีเป็นเวลาสามวันเพื่อเป็นการระลึกถึงการมาของ Shabdrung Rinpoche ถึง laya จากทิเบต
ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอินเดียโดยนำเสนอผ่าน เรื่องราวของ Diya ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาสำหรับใส่น้ำมันและจุดไฟในเทศกาลเกี่ยวกับไฟของ อินเดีย เริ่มต้นที่ครอบครัวของช่างปั้น จนไปสู่ตลาดการค้าที่นำ Diya ไปขาย จนไปสู่การนำเอาไปใช้จริงในเทศกาลเฉลิมฉลอง ซึ่งทั้งหมดเป็นวิถีชีวิตประจำที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมานานหมุนเปลี่ยน เวียนไป สุดท้ายภาพยนตร์ก็มาจบลงที่ครอบครัวของช่างปั้นเมื่อทุกอย่างผ่านไปวิถี ชีวิตก็กลับมาสู่แบบเดิมต่อไป