คอมมิวนิสต์บุกบ้านแพด!

 |  การจัดการข้อมูลทางวัฒนธรรม
ผู้เข้าชม : 2796

คอมมิวนิสต์บุกบ้านแพด!

คอมมิวนิสต์บุกบ้านแพด!1

แม้ว่าผู้เขียนจะเกิดในช่วงเวลาที่โลกยังอยู่ในยุคสงครามเย็น2 (Cold War, 1947-1991) แต่ผู้เขียนก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจสถานการณ์ความเป็นไปของโลกในขณะนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตต่างแข่งขันกันพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารของตนไปเพื่อเหตุใด ในเมื่อชาติทั้งสองไม่เคยปะทะกันในสงครามใดๆ โดยตรง ได้แต่เพียงแค่ทำสงครามทางการทูต ขมขู่กันไปมาบนเวทีการเมืองระดับประเทศ หรือเพียงแค่คอยให้การสนับสนุนบรรดาพันธมิตรของตนทำสงครามแทนตน จนทำให้หลายประเทศทั่วโลกกลายเป็นสนามต่อสู้ระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งสอง เช่น กรณีการปิดล้อมกรุงเบอร์ลินในปี  1948 สงครามเกาหลีในปี 1950-1953  สงครามเวียดนามในปี 1957-1975 เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้เขียนในวัยเด็กรู้สึกว่า การต่อสู้ดังกล่าวเป็นการต่อสู้ที่พิลึกพิลั่น เพราะประเทศต้นเหตุ (สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต) ไม่ยอมออกมาจัดการปัญหาของตนเอง แต่กลับให้บรรดาพันธมิตรของตน (ลูกน้อง) เป็นตัวแทนในการจัดการปัญหา

ประสบการณ์ของผู้เขียนที่เกี่ยวกับโลกในยุคสงครามเย็น และความน่ากลัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ (ตามความรู้สึกของผู้เขียนในวัยเด็ก) ล้วนได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ฮอลลีวูด เป็นต้นว่า ภาพความโหดร้ายของการใช้ชีวิตในค่ายกักกันที่ Pran  นักหนังสือพิมพ์ชาวกัมพูชาซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเอกของเรื่อง “ทุ่งสังหาร” (The Killing Fields) ต้องเผชิญ   ทุ่งสังหาร เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากประสบการณ์ของนักหนังสือพิมพ์ 3 คน คือ Dith Pran ชาวกัมพูชา Sydney Schanberg ชาวอเมริกัน และ Jon Swain ชาวอังกฤษ ซึ่งเคยทำข่าวอยู่ในกรุงพนมเปญก่อนเขมรแดงเข้ายึดครองในปี 1975

ในฐานะที่เป็นชาวกัมพูชาและเป็นชนชั้นปัญญาชน Pran ถูกส่งไปรับการศึกษาใหม่เพื่อให้สำนึกในความผิดของตนที่ทุ่งสังหาร   เขาถูกใช้แรงงานอย่างหนัก และต้องทนดูเพื่อนร่วมชะตากรรมถูกสังหารคนแล้วคนเล่า3  (ประมาณการกันว่า ตั้งแต่ปี 1975-1979 ที่กัมพูชาถูกปกครองโดยเขมรแดง มีชาวกัมพูชาถูกสังหารที่ทุ่งสังหารประมาณ 1.7-2.3 ล้านคน) ภาพที่ได้เห็นจากภาพยนตร์ดังกล่าวทำเอาผู้เขียนวิตกจริตไปไกลว่าประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดเราไปยังเป็นกันได้ถึงขนาดนี้ แล้วถ้าประเทศไทยถูกพวกคอมมิวนิสต์ยึดครอง ผู้เขียนและครอบครัวจะต้องประสบชะตากรรมเยี่ยงไร

 

ที่มา: Wikipedia, Rambo, http://en.wikipedia.org/wiki/Image:Rambo_first_ blood_part_ii.jpg (accessed on 8 March 2008).

หรือฉากจากภาพยนตร์เรื่อง “แรมโบ้ นักรบเดนตาย ภาค 2” (รูป Rambo_first_blood_part_ii) ที่ซิลเวสเตอร์ สตาโลน (Sylvester Stallone) ซึ่งรับบทจอห์น แรมโบ้ (John Rambo) รัวปืนเอ็ม 16 ใส่ทหารเวียดกงจนล้มตายระเนระนาดก็สร้างความสะใจให้ผู้เขียนไม่ใช่น้อย ในการที่ได้เห็นแรมโบ้ในภาพวีรบุรุษของโลกเสรีนิยม ฆ่าทหารเวียดกงซึ่งเป็นพวกคอมมิวนิสต์อย่างไร้ความปรานี ความรู้สึกในวัยเด็กของผู้เขียนจึงไม่ต่างกับผู้คนทั่วไปที่มองว่า ประเทศทั้งหลายที่ปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต, จีน และเวียดนาม) เป็น “ผู้ร้าย” ส่วนประเทศที่ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย (สหรัฐอเมริกา) เป็น “พระเอก”แผ่นภาพโฆษณาภาพยนตร์เรื่อง “แรมโบ้ นักรบเดนตาย ภาค 2” (Rambo: First Blood Part II) ในวัฒนธรรมป๊อปยุคปัจจุบัน ชื่อของ “แรมโบ้” ถูกนำมาใช้ในการสื่อความหมายถึง คนที่มีความชำนาญในการต่อสู้ คนที่เป็นวีรบุรุษจากการต่อสู้ โดยเฉพาะในการต่อสู้ที่ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากกว่า และคำว่า “แรมโบ้” ยังถูกใช้สื่อความหมายถึงคนที่มุทะลุ บ้าบิ่น (Going Rambo) อีกด้วย

เมื่อผู้เขียนเป็นนักเรียนประวัติศาสตร์ ความเข้าใจของผู้เขียนที่มีต่อสถานการณ์โลกในยุคสงครามเย็น และภาพของผู้ร้ายคอมมิวนิสต์ที่เคยมีอยู่ในจินตนาการของผู้เขียนก็เปลี่ยนไปในทางที่เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ความเข้าใจของผู้เขียนก็ยังเป็นไปในระดับเดียวกับนักเรียนประวัติศาสตร์ทั่วไป กล่าวคือ เป็นความรู้ที่ได้จากการอ่านตำราเรียน และเรื่องที่รู้ส่วนใหญ่ก็เป็นเหตุการณ์สำคัญในระดับมหัพภาคเท่านั้น เช่น การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon, 1913-1994) ในปี 1972 ซึ่งผู้คนทั่วโลกกล่าวขานว่าเป็นเหตุการณ์ “Nixon Shock” เพราะนับตั้งแต่การเผชิญหน้าทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในสงครามเกาหลี  ชาติทั้งสองต่างก็ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อกันทั้งทางการทูตและการทหารเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ การเยือนจีนของประธานาธิบดีนิกสันในครั้งนั้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญในดินแดนตะวันออกไกล และทิศทางความเป็นไปของโลกในช่วงยุคสงครามเย็น

สหภาพโซเวียตต้องเผชิญกับสภาวะโดดเดี่ยวทางการเมืองบนเวทีระดับโลก เพราะจีนซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแกนนำสำคัญของโลกสังคมนิยม กลับหันไปเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำของโลกเสรีนิยม ไต้หวันต้องถูกปลดออกจากสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้จีนได้เข้าดำรงตำแหน่งแทนที่ ญี่ปุ่นและประเทศทั้งหลาย (รวมถึงไทย) ที่เคยมีท่าที่แข็งกร้าวต่อจีนต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการทูตของตนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือตามแบบอย่างสหรัฐอเมริกา อาจกล่าวได้ว่า การเยือนจีนของประธานาธิบดีนิกสันในครั้งนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นผ่อนคลายการเผชิญหน้าทางการเมืองระหว่างโลกเสรีนิยมกับโลกสังคมนิยม  ซึ่งยืดเยื้อมานานหลายสิบปีให้คลี่คลายลงได้ในระดับหนึ่ง4

อย่างไรก็ดี  เมื่อผู้เขียนเข้าทำงานที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) และรับผิดชอบงานในโครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย   ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสทำงานกับเอกสารงานวิจัยภาคสนามของ ศ.ไมเคิล มอร์แมน (Michael Moerman)

บางส่วนของเอกสารงานวิจัยภาคสนามของมอร์แมนซึ่งอยู่ในความดูแลของโครงการฐาน
ข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย อาทิเช่น ภาพถ่าย สไลด์ สมุดบันทึก จดหมาย บัตรบันทึกแบบเจาะ วีดีทัศน์ ฯลฯ

บัตรบันทึกแบบเจาะ (Type Punch Field Note) เป็นรูปแบบหนึ่งของการเก็บข้อมูลภาคสนามของมอร์แมน ซึ่งสะดวกอย่างยิ่งต่อการสืบค้นข้อมูลในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังไม่ถูกนำมาใช้ งาน ตัวเลขแถวใน (1-91) ที่ปรากฎรอบบัตรบันทึกแบบเจาะใช้สื่อแทนหัวข้อต่างๆ ที่ได้มีการแบ่งไว้ก่อนแล้ว เพื่อการจัดระเบียบข้อมูลวิจัยภาคสนาม หากเนื้อความที่ปรากฎในบัตรบันทึกแบบเจาะตรงกับหัวข้อใด รูที่อยู่เหนือหมายเลขก็จะถูกเจาะเอาไว้ และเมื่อต้องการสืบค้นหัวข้อดังกล่าว ผู้ใช้งานเพียงใช้แท่งเหล็กยาวเสียบเข้าไปตรงหมายเลขของหัวข้อที่ต้องการ สืบค้น แล้วยกกองบัตรบันทึกแบบเจาะที่ถูกเก็บไว้ในกล่องขึ้นมา บัตรบันทึกแบบเจาะซึ่งมีหัวข้อที่ต้องการสืบค้นก็จะหล่นลงมา

นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกันที่เคยเข้ามาศึกษาชุมชนชาวไทลื้อที่บ้านแพด ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1960 แม้โดยพื้นฐานงานการศึกษาของมอร์แมนจะเป็นการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนแห่งนี้ ตามแนวทางการเก็บข้อมูลภาคสนามของนักมานุษยวิทยา5

ที่มา: โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-1/1-330.

ชาวไทลื้อ เดิมมีถิ่นฐานอยู่ในดินแดนสิบสองปันนา ตั้งอยู่ทางใต้สุดของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชนจีน ปัจจุบัน รัฐบาลจีนจัดให้เป็นเขตปกครองตนเองชนชาติไท (Tai Autonomous Area) สันนิษฐานว่าชาวไทลื้อส่วนใหญ่ใน อ.เชียงคำได้อพยพเข้ามาเมื่อสมัยรัตโกสินทร์ตอนต้น หรือที่เรียกกันว่ายุคสมัยของการ “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง”   พระเจ้ากาวิลละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้ยกไปตีเมืองและกวาดต้อนพลเมืองชาวไทลื้อในสิบสอง ปันนา ไทลื้อเมืองพวน เมืองหย่วน เมืองล่า  ไทขึนจากเชียงตุง และไทใหญ่จากตะวันออกของพม่า มาอยู่ที่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และน่านเป็นจำนวนมาก ในช่วงระหว่างปี 1782-1813

ที่มา: โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-4-365.

นอกจากจะเฝ้าสังเกตชีวิตประจำวันของชาวบ้านอย่างใกล้ชิดแล้ว มอร์แมนยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชาวบ้านด้วย ดังที่เห็นในภาพ มอร์แมนกำลังทำการรดน้ำดำหัวพ่อหม่อนธรรมชัยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ของชาวไท ลื้อ (วันสงกรานต์)

แต่จากข้อมูลการสัมภาษณ์ชาวบ้านจำนวนมากที่มอร์แมนได้รวบรวมไว้ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์งานวิจัยนั้น มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนเกิดความสนใจ คือ ประเด็นที่ว่าด้วย “ทัศนคติของชาวบ้านที่มีต่อภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์” ตัวละคร6 เช่น ผู้ใหญ่บ้านคำปิง ครูจัน พ่อใหม่หน่อ นายอำเภอ ฯลฯ

ดังที่ปรากฏอยู่ในบันทึกภาคสนามของมอร์แมน ต่างแสดงทัศนคติของตนที่มีต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ออกมาในแง่ลบได้ทำให้ผู้เขียนเกิดคำถามว่า  “เพราะเหตุใดชาวบ้านจึงหวาดกลัวภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์มากนัก?” เพราะคอมมิวนิสต์เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวเหมือนที่ผู้เขียนเคยรู้สึกในวัยเด็ก (เพราะได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ฮอลลีวูด) หรือแท้ที่จริง  ความหวาดกลัวของชาวบ้านนั้นเป็นผลมาจาก “การสร้างภาพ” ของรัฐ ให้คอมมิวนิสต์กลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาของชาวบ้านกันแน่

ในบทความชิ้นนี้  จึงเป็นความพยายามของผู้เขียนในการนำเสนอผลกระทบต่างๆ อันเนื่องมาจากสงครามเย็น  ซึ่งเกิดกับคนกลุ่มเล็กๆ ที่แทบไม่เคยมีใครรู้จักหรือสนใจ   ทั้งที่กลุ่มคนเหล่านี้มีตัวตนอยู่จริง และมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตช่วงหนึ่งของโลก  แม้มิได้มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์เหมือนบรรดานักการเมืองคนสำคัญ แต่จากบทสนทนาและการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ของชาวบ้านแพดที่มอร์แมนได้บันทึกเอาไว้ในงานวิจัยภาคสนาม  ทำให้เราทราบว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีความคิดอย่างไรต่อสถานการณ์ของโลกในยุคสงครามเย็น    ส่วนที่เหลือของบทความจะเป็นการนำเสนอการวิเคราะห์เพื่อค้นหา “ความจริง” ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวของชาวบ้านที่มีต่อภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์   แท้ที่จริงแล้ว รัฐได้เข้ามามีส่วนในการสร้างสถานการณ์อย่างไรและผ่านใครบ้าง

บ้านแพดในยุคสงครามเย็น (1959-1961)7

เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ถ้าพูดถึงการเดินทางไปยัง อ.พะเยา จ.เชียงราย8 ผู้คนส่วนใหญ่คงนึกถึงการเดินทางอันยากลำบาก  ต้องผ่านภูเขาสูงชันลูกแล้วลูกเล่าและต้องใช้เวลาในการเดินทางหลายสิบวัน ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ของดินแดนในแถบนี้เป็นที่ราบสูงและภูเขา   มีระดับความสูงตั้งแต่ 300-1,150 เมตร จากระดับน้ำทะเล   อีกทั้งยังมีเทือกเขาตัดผ่านทั้งทางด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตอน
กลางของพื้นที่9  จึงทำให้การเดินทางเข้าถึงดินแดนในแถบนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก และยิ่งเมื่อพูดถึงบ้านแพด อ.เชียงคำ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมือง จ.พะเยาไปอีกเกือบ 70 กิโลเมตร ก็ยิ่งดูเป็นการเดินทางที่ยากลำบากเพิ่มขึ้นไปอีก

แผนที่ จ.พะเยา
ที่มา: สำนักงานจังหวัดพะเยา, แผนที่, http://www.phayao.go.th/map.html (accessed on 8 March 2008).

ม.ค. 1960 กองคาราวานชาวม้งกำลังเดินทางผ่านบ้านแพด(ภาพถ่ายจากกรอบหน้าต่าง)

ที่มา: โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-1/1-60.

มอร์แมน ได้บันทึกไว้ว่า ในอดีตกองคาราวานที่เดินทางจาก อ.เชียงคำไปยังอำเภอเมืองพะเยาต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางถึง 15 วัน10 (ปัจจุบัน ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวเพียง 1ชั่วโมง)  เนื่องจากการเดินทางอันยากลำบากนี่เอง พื้นที่นี้จึงไม่มีผู้ตรวจการ (เจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง) เข้ามาตรวจตรา   ทำให้ร้านค้าต่างๆ บวกกำไรราคาสินค้าของตนเพิ่มขึ้นไปอีก  สินค้าที่นี่จึงราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น11   อาจกล่าวได้ว่าบ้านแพด เมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว มีสภาพเป็น “ดินแดนไกลปืนเที่ยง”

ชุมชนชาวไทลื้อ บ้านแพดเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว   มีสภาพไม่แตกต่างไปจากชุมชนชนบททั่วประเทศไทยที่ห่างไกลความเจริญ  ชาวบ้านมีชีวิตอย่างเรียบง่ายและถ้อยทีถ้อยอาศัย ดูเหมือนว่าภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ไม่น่าจะเข้ามาถึงชุมชนแห่งนี้ได้

ที่มา: โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-5-248, MM-7-136, MM-1/2-440, MM-1/2-498, MM-1/2-581และ MM-6-7.

เนื่องจากสถานที่ตั้งซึ่งห่างไกลและการเดินทางยากลำบาก   พื้นที่แถบนี้จึงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ  กับภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์    ซึ่งตามความเข้าใจของเรานั้น น่าจะเป็นภัยที่ทำให้ผู้คนในส่วนกลางหวาดวิตกมากกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากตามแนวทางการปลุกระดมมวลชนของพรรคคอมมิวนิสต์ ชนชั้นกรรมมาชีพที่ทำงานอยู่ตามโรงงานอุตสาหกรรมในหัวเมืองใหญ่ต่างหาก ที่น่าจะเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญในการปฏิวัติ12

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 2 ปีเต็ม(1959-1961) มอร์แมนได้สัมภาษณ์ และจดบันทึกการสนทนาของชาวบ้าน ข่าวจากทางการและข่าวลือต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบุกโจมตีของคอมมิวนิสต์มีปรากฏออกมาเป็นระยะๆ   ดังจะเห็นได้จากบันทึกภาคสนามในวันเวลาต่างๆ  ต่อไปนี้

กันยายน–ธันวาคม 1959 

23 ก.ย. 1959 วิเคยเรียนมหาวิทยาลัยแต่เรียนไม่จบ เพราะครูของเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ลูกศิษย์ทั้งหมดของครูคนนี้จึงหมดโอกาสได้เข้ารับราชการ13

27 ธ.ค. 1959 ทวีเล่าว่า ตำรวจกำลังจับตาดูพ่อค้าภาพชาวเยอรมันตะวันออกอยู่ เพราะสงสัยว่าเขาอาจเป็นสายลับ14

มกราคม–ธันวาคม 1960

16 ม.ค. 1960 ภรรยานายอำเภอเล่าว่า สาเหตุที่ตำรวจสายสืบและนายร้อยที่จบใหม่ถูกส่งมาประจำการที่ อ.เชียงคำเป็นจำนวนมากเป็นเพราะ พื้นที่นี้มีอาณาเขตติดกับประเทศลาว จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ ทางการที่รู้ภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะได้ติดต่อประสานงานกับทางฝั่งลาวในการแก้ไขปัญหาผู้อพยพ15

22 ม.ค. 1960 ตามความเห็นของเชวง16 เงินช่วยเหลือที่อเมริกาให้กับไทยและลาวตกไม่ถึงมือของประชาชนทั่วไป เงินส่วนใหญ่ถูกยักยอกไปโดยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และพวกนายทุน17

7 ก.พ. 1960 กำนันให้ความเห็นว่า เงินช่วยเหลือที่อเมริกาให้กับลาวเป็นสิ่งที่สูญเปล่า เพราะคนที่ได้รับผลประโยชน์มีแต่พวกคนร่ำรวย นอกจากนี้ เงินช่วยเหลือส่วนใหญ่ที่อเมริกาให้กับไทยก็ถูกนำไปใช้พัฒนาแต่ที่กรุงเทพฯ และภาคอีสาน มาไม่ถึงภาคเหนือ หากอเมริกาไม่ให้เงินช่วยเหลือไทยมากกว่านี้ ไทยจะต้องกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์18

15 ก.พ. 1960 นายอำเภอและคณะไปตรวจราชการที่ห้วยแก้วคำ หนึ่งในนั้นมีที่ปรึกษาชาวอังกฤษติดตามไปด้วย เพื่อสำรวจดูสถานการณ์ตามแนวชายแดนว่ามีภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์หรือไม่19

24 เม.ย. 1960 ชาวบ้านเล่าว่า ในประเทศคอมมิวนิสต์ คนแก่ที่ไม่สามารถทำงานได้จะถูกฆ่าและนำมากิน แต่บางคนก็ว่าแค่ฆ่าทิ้งอย่างเดียว ไม่นำมากิน20

25 ก.ค. 1960 กำไลเล่าว่า ช่วงนี้คนที่มาซื้อของมักจะจ่ายเป็นฝิ่นแทนเงิน และที่ตัวอำเภอมีก็แต่คนลาวซึ่งอพยพหนีการโจมตีของอเมริกา กับทหารชนกลุ่มน้อยที่เคยอยู่บนภูเขา21

22 ก.ค. 1960 ผู้ใหญ่บ้านกับแสงคุยกันถึงเรื่องที่ตอนนี้มีการปะทะกันระหว่างทหารชาวแม้ว (ม้ง) กับทหารรัฐบาลลาว ผู้นำทหารชาวแม้วบังคับให้ผู้ชายทุกคนเข้าร่วมรบ หากใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกฆ่าและยึดทรัพย์สิน22

7 ส.ค. 1960 ปลัดอำเภอและนายอำเภอพูดคุยกันถึงเรื่องพระชั้นผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯ ถูกจับสึก เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ส่วนจีนเองก็ออกโฆษณาชวนเชื่อด้วยการให้พระไทยซึ่งอยู่ที่นั่นประกอบกิจของสงฆ์ในวัดปลอมที่ถูกสร้างขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ดูเหมือนว่ายังคงมีกิจกรรมต่างๆ ทางพุทธศาสนาในจีน23

10 ก.ย. 1960 ตำรวจตระเวนชายแดนให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ที่ลาวอยู่ในภาวะล่อแหลม และอาจกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ในไม่ช้า พวกเขาถูกส่งมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย และพยายามผูกสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยบนเขา เพื่อให้คนกลุ่มนี้คอยสืบข่าวการเคลื่อนไหวของทหารลาว หรือทหารกั๋วหมิน-ตั่งที่อาจล่วงล้ำเข้ามาชายแดนไทย24

8 พ.ย. 1960 รัฐบาลวางแผนที่จะส่งทหารเข้ามาช่วยสร้างถนน เนื่องจากเกรงว่าทหารคอมมิวนิสต์ลาวจะบุกเข้าโจมตีไทย ในที่ประชุมสภาตำบลหย่วนมีการการระดมความเห็นจากบรรดาผู้ใหญ่บ้านถึงแนวทางในการก่อสร้างถนนอย่างเร่งด่วนตามคำสั่งของรัฐบาล ผู้ใหญ่บ้านได้รับคำสั่งให้เกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยสร้างถนน  หากชาวบ้านคนใดไม่ให้ความร่วมมือจะต้องถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ25

ที่มา: โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-1/1-28.

หลายต่อหลายครั้งที่ชาวบ้านถูกทางการเกณฑ์แรงงานมาช่วยในการก่อสร้างถนน  โดยที่ผู้ใหญ่บ้าน (สวมเสื้อขาว) จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานในการรับคำสั่งจากทางการ แล้วจึงมาเกณฑ์ชาวบ้านจากหมู่บ้านของตนมาช่วยสร้างถนน  ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เต็มใจนักที่จะต้องมาช่วยงานหลวง  เพราะไม่ได้ค่าตอบแทน  มิหนำซ้ำยังเสียเวลาในการทำนาของตนอีกด้วย

12 พ.ย. 1960 กำนันบอกกับชาวบ้านถึงความวิตกของเขาเกี่ยวกับนโยบายทางการเมืองของแคนเนดี้ว่าจะยังต่อต้านคอมมิวนิสต์เหมือนในสมัยนิกสันหรือไม่26 และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับจีนเป็นเรื่องที่ดีต่อไทย เพราะตามความเห็นของกำนัน จีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่หวังจะครอบครองโลก27

3 ธ.ค. 1960 ผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งข่าวว่าวันนี้ทหารแม้วอาจจะบุกเข้ามาที่ อ.เชียงคำ เขารีบเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อหาทางรับมือ ชาวบ้านหลายคนตื่นตระหนกและเก็บข้าวของหนีไปอยู่ตามทุ่งนา อย่างไรก็ดี ไม่มีทหารแม้วบุกข้ามมาฝั่งไทยแต่อย่างใด แต่ตลอดเดือน ธ.ค. ยังคงมีข่าวลือว่าทหารแม้วจะบุกข้ามมาฝั่งไทยอยู่ตลอดเวลา นาข้าวที่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็ถูกปล่อยทิ้งร้าง เพราะชาวบ้านยังไม่แน่ใจในความปลอดภัย28

มกราคม – มีนาคม 1961 

12 ม.ค. 1961 กำนันให้ความเห็นว่า สาเหตุที่อเมริกาต่อต้านคอมมิวนิสต์เป็นเพราะว่า ประเทศคอมมิวนิสต์ไม่ยอมซื้อสินค้าใดๆ จากประเทศที่ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์29

7 ก.พ. 1961 ในการประชุมผู้ใหญ่บ้านประจำเดือน ก.พ. นายอำเภอแจ้งว่า สถานการณ์ทางชายแดนในช่วงนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง หากชาวพบพบคนต่างถิ่นที่น่าสงสัยต้องรีบแจ้งทางการทันที โดยเฉพาะคนลาวและคนเวียดนาม  ทางการต้องการให้ชาวบ้านช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้านของตน 30

7 ก.พ. 1961 ผู้ใหญ่บ้านคำปิงขออพยพไปอยู่ที่อเมริกาด้วย หากคอมมิวนิสต์บุกเข้ามาที่บ้านแพด31

7 มี.ค. 1961 หน่อและครูจันคุยกันว่า ทหารกั๋วหมินตั่ง (?) กว่า 1,000 นาย กำลังเดินทางมาที่บ้านแพดผ่านทางทุ่งลอ และกำลังจะยกทัพบุกข้ามไปยังฝั่งลาว โดยได้รับการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จากอเมริกา ส่วนนายปรีดี พนมยงค์ซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศกำลังวางแผนที่จะกลับมาปกครองประเทศไทยอีกครั้ง32

25 มี.ค. 1961 ทหารฮ่อ (ทหารกั๋วหมินตั่ง?) ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในฝั่งไทย รวมตัวข้ามไปฝั่งลาวเพื่อทำการต่อสู้กับทหารคอมมิวนิสต์ ทหารฮ่อได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอเมริกา เพื่อปกป้องไทยจากการคุกคามของคอมมิวนิสต์33

25 มี.ค 1961 กำนันบอกกับหลายว่า คนไทยเป็นหนี้อเมริกาคนละ 600 บาท34

จากบันทึกภาคสนามของมอร์แมนซึ่งผู้เขียนนำมาเรียงตามลำดับเวลานี้ คงทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพความหวาดวิตกของชาวบ้านที่มีต่อภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อเราพิจารณาบริบทของสถานการณ์ทางการเมืองโลกในขณะนั้นจะพบว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเต็มไปด้วยความรุนแรง ทั้งการต่อสู้ทางอุดมการณ์การเมืองและการต่อสู้ทางการทหาร ระหว่างค่ายเสรีนิยมซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนนำ กับค่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งมีสหภาพโซเวียตเป็นแกนนำ   หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของไทย และความหวาดวิตกต่อภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ของชาวบ้านแพด คือ

1.    ภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับชัยชนะในสงครามกลางเมือง และได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปสู่ระบบสังคมนิยมในปี 1949 บรรดากองทหารกั๋วหมินตั่งที่แตกพ่ายจากฐานที่มั่นสุดท้ายในมณฑลยูนนาน ได้อพยพหนีการกวาดล้างของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเข้ามาในดินแดนอินโดจีน และในดินแดนทางตอนเหนือของไทยเองก็มีทหารจากกองพล 93 กระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งอาจเป็นข้ออ้างให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์จีนเข้ามารุกรานไทยได้35 อีกทั้ง ในปี 1953 จีนได้มีการจัดตั้งเขตปกครองตนเองชนชาติไทขึ้นที่มณฑลยูนนาน ซึ่งยิ่งทำให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้นำของไทยในขณะนั้นหวาดวิตกว่า จีนจะใช้ดินแดนดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นในการรุกรานไทย นอกจากนี้ นายปรีดี พนมยงค์ ศัตรูทางการเมืองของจอมพล ป. ในขณะนั้นได้ลี้ภัยอยู่ที่จีน   ซึ่งยิ่งทำให้ผู้นำไทยหวาดวิตกภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้น36

ที่มา: กาญจนะ ประกาศวุฒิสาร, ทหารจีนคณะชาติ (ก๊กมินตั๋ง) ตกค้างทางภาคเหนือประเทศไทย, (เชียงใหม่: สยามรัตน์ พริ้นติ้ง, 2546), น. 69

กองพล 93 เป็นหน่วยหนึ่งในกองทัพของรัฐบาลกั๋วหมินตั่ง (รัฐบาลจีนคณะชาติ ภายใต้การนำของเจียงไคเช๊ค) มีหน้าที่หลักในรักษาแนวชายแดนทางด้านจีน-พม่า และช่วยรบกับกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เพื่อหน่วงเวลาและอำนวยความสะดวกให้กองกำลังส่วนใหญ่อพยพไปสู่เกาะไต้หวัน ได้  อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่รัฐบาลกั๋วหมินตั่งพ่ายแพ้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน  กองพล 93 กลายเป็นทหารไร้สังกัด และได้อพยพหนีการกวาดล้างของฝ่ายคอมมิวนิสต์เข้าสู่ดินแดนอินโดจีน โดยกระจัดกระจายอยู่ในพม่า ลาว และทางตอนเหนือของไทย แม้ว่ารัฐบาลอเมริกา (รวมถึงรัฐบาลไทย) จะพยายามปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่เคยให้ความช่วยเหลือทางการทหารใดๆ แก่กองกำลังดังกล่าว นอกจากความช่วยเหลือทางด้านมานุษยธรรม แต่จากบันทึกภาคสนามของมอร์แมนกลับให้ข้อมูลในอีกแง่มุมที่แตกต่างไป และทำให้เราทราบว่า กองพล 93 ได้เคยมีการเคลื่อนไหวในบริเวณภาคเหนือของไทย เพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ลาวภายใต้ความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (เอกสารหมายเลข MM-18-241 และ MM-18-242)

2.    การถอนตัวออกจากคาบสมุทรอินโดจีนของฝรั่งเศส

ภายหลังการปราชัยของฝรั่งเศสในสงครามเดียนเบียนฟูในปี 1954  เป็นเหตุให้เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยใช้เส้นละติจูดที่ 17 เป็นเส้นแบ่งเขตแดน คือ เวียดนามเหนือ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและจีน และเวียดนามใต้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี เวียดนามเหนือได้ปฏิเสธสถานภาพของเวียดนามใต้    จึงนำไปสู่สงครามกลางเมืองครั้งสำคัญ หรือที่เรารู้จักกันในนาม “สงครามเวียดนาม”  ชาติมหาอำนาจทั้ง 2 ขั้วการเมือง พร้อมด้วยบรรดาพันธมิตรของตน (รวมถึงไทย) ต่างกระโจนเข้าสู่สงครามกลางเมืองของเวียดนามในครั้งนี้  แนวรบของสงครามมิได้จำกัดขอบเขตอยู่แต่เฉพาะในดินแดนเวียดนามเท่านั้น แต่ยังขยายเข้าสู่ดินแดนบางส่วนของลาว (เส้นทางโฮจิมินห์) และกัมพูชาด้วย

จากเหตุการณ์กรณีเดียวกัน  ลาวเองก็ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ลาวฝ่ายซ้าย (ขบวนการปเทดลาว) ซึ่งได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือต่างๆ จากประเทศคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะจากเวียดนามเหนือ  และลาวฝ่ายขวา (รัฐบาลลาวเวียงจันทน์) ซึ่งได้รับการสนับสนุน และความช่วยเหลือต่างๆ จากสหรัฐอเมริกา ท้ายที่สุดแล้ว ชัยชนะเป็นของฝ่ายสังคมนิยม หรือขบวนการปเทดลาว37    การที่เวียดนามและลาวกลายเป็นประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์   ได้ทำให้ไทยต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ถึงหน้าประตูบ้านเป็นครั้งแรก

3.    การขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย 

ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในการปลุกระดมชาวนาที่ยากจนให้หันมาต่อต้านรัฐบาล และอาศัยดินแดนแถบนี้เป็นทางผ่านสำคัญในการติดต่อขบวนการคอมมิวนิสต์ในลาว38    ซึ่งทำให้รัฐบาลไทยหวาดวิตกเป็นอย่างยิ่งว่าหากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยถูกแทรกซึมโดยพรรคคอมมิวนิสต์มากไปกว่านี้ ในไม่ช้าประเทศไทยคงจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปในการรุกรานของคอมมิวนิสต์

“คอมมิวนิสต์บุก”    เรื่องจริง หรือ การสร้างสถานการณ์

“…ข้าพเจ้าจะต่อสู้จนสิ้นสุดลมหายใจ ทุกระเบียดนิ้วแห่งผืนแผ่นดินไทย ข้าพเจ้าจะรักษาไว้ด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้ประเทศไทยตกเป็นทาสคอมมิวนิสต์ ในขณะที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่,,,” 39

ประโยคข้างต้นนี้ถูกกล่าวขึ้นโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทย เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 1960 ระยะเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับที่มอร์แมนเข้าไปทำการเก็บข้อมูลภาคสนามที่บ้านแพด     วาทะของผู้นำประเทศและสถานการณ์โลกในช่วงระยะเวลานั้น  ยิ่งช่วยตอกย้ำและยืนยันว่า ความหวาดกลัวของชาวบ้านแพดที่มีต่อคอมมิวนิสต์ ตามที่ปรากฏในบันทึกภาคสนามของมอร์แมน มิใช่ความวิตกจริตเกินควรหรือเกินจริง

อย่างไรก็ดี งานการศึกษาของพวงทอง รุ่งสวัสดิทรัพย์ ภวัครพันธุ์40  ได้เสนอแง่มุมที่แตกต่างออกไปเกี่ยวกับ “ความจริง” ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว  พวงทองมองว่า ประเด็นเรื่อง “คอมมิวนิสต์บุก” เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลไทย เพื่อให้ประชาชนยอมรับนโยบายโลกเสรีของตน  เพราะนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1950-1970  เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ (โดยเฉพาะจีน)  โดยถือว่าเป็นภัยสำคัญที่คุกคามความมั่นคงของชาติ   รัฐบาลไทยได้ผูกสัมพันธ์ในระดับพหุภาคีกับกลุ่มประเทศเสรีภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา (องค์การซีโต้)    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงทศวรรษที่ 1960  รัฐบาลไทยก็ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกามากยิ่งกว่าเดิม  และฝากความมั่นคงของชาติไว้กับสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยรับประกันความปลอดภัยจากการรุกรานของจีนและเวียดนามเหนือ41

เพื่อให้การดำเนินนโยบายดังกล่าวเป็นไปได้โดยราบรื่น วาทกรรมหลากหลายได้ถูกนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านทางสื่อต่างๆ  เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศหวาดวิตกในภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์   งานการศึกษาของพวงทองชิ้นนี้ได้ทำให้ผู้เขียนเกิดคำถามว่า   ความหวาดวิตกของชาวบ้านแพดเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้วว่าตนจะถูกบุกจู่โจมโดยคอมมิวนิสต์นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงผลกระทบจากการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนั้นจริงหรือไม่   และเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาทบทวนบันทึกภาคสนามของมอร์แมนอีกครั้ง ทำให้ผู้เขียนเห็นประเด็นต่างๆ ที่น่าแคลงใจ  ดังนี้

1. โฆษณาชวนเชื่อจากรัฐบาล

มอร์แมนได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักพูดถึงคอมมิวนิสต์ในแง่ร้าย โดยเฉพาะในประเด็นที่ทรัพย์สินของคนรวยจะถูกยึดแล้วนำไปแบ่งให้คนจน อย่างไรก็ดี ทั้งที่ชาวบ้านทั่วไปมีฐานะยากจน แต่พวกเขากลับไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ และหวาดกลัวภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์เช่นเดียวกับพวกคนที่มีฐานะ42   การรุกรานของคอมมิวนิสต์น่าจะนำความเสมอภาคทั้งในเรื่องฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจมาสู่ชาวบ้าน  แต่เพราะเหตุใดพวกเขากลับหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีซึ่งจะเกิดขึ้น

ในแง่นี้ เราอาจกล่าวได้ว่าการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐถึงความน่ากลัวของคอมมิวนิสต์นั้นได้ผล รัฐบาลภายใต้การนำของจอมพล ป. ได้ใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนหวาดกลัวภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ ได้มีการจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงให้แผ่ขยายครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะในแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ จากทางภาครัฐ   ซึ่งมีเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับการต่อต้านคอมมิวนิสต์ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์ราคาถูกออกจำหน่ายให้แก่ประชาชน   เพื่อให้สามารถรับฟังข่าวสารต่างๆ ที่ผลิตออกมาจากภาครัฐได้อย่างทั่วถึงทุกครัวเรือน43

2. ข่าวลือเรื่องการบุกจู่โจมของทหารคอมมิวนิสต์ลาว

แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากสภาพภูมิศาสตร์   อ.เชียงคำซึ่งมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับแขวงไชยบุรีของลาว อาจตกเป็นเป้าหมายในการรุกรานจากคอมมิวนิสต์ลาวได้   แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่มอร์แมนทำการเก็บข้อมูลภาคสนามที่บ้านแพด   ไม่เคยมีการรุกรานใดๆ จากทหารคอมมิวนิสต์ลาว มีแต่เพียงข่าวลือว่าจะมีการบุกโจมตีออกมาเป็นระยะ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้เข้าไปทำการสำรวจภาคสนามที่บ้านแพด และมีโอกาสสัมภาษณ์แม่อัมพร มังคลาดอดีตแม่บ้านของมอร์แมน44 เมื่อผู้เขียนให้แม่อัมพรเล่าถึงเหตุการณ์การบุกรุกของทหารลาวข้ามมาฝั่งไทย ในช่วงที่มอร์แมนทำการเก็บข้อมูลอยู่ที่บ้านแพดนั้น แม่อัมพรเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ตกใจกลัวมาก ต่างเก็บข้าวของขึ้นเกวียนหนีไปหลบตามทุ่งนา (เป็นที่น่าสังเกตว่า คำบอกเล่าของแม่อัมพรในเรื่องนี้สอดคล้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่บันทึกไว้ในเอกสารหมายเลข MM-18-204 ซึ่งถูกบันทึกในช่วง ธ.ค. 1960)   อย่างไรก็ดี แม่อัมพรเล่าว่า ไม่เคยมีการบุกรุกของทหารจากฝั่งลาวเข้ามาที่บ้านแพดแต่อย่างใดจะมีก็เพียงบรรดาชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ที่ข้ามดินแดนติดต่อกันไปมาระหว่างฝั่งไทยกับฝั่งลาว45

แม้ว่าหลังจากนั้น ไทยกับลาวจะเกิดกรณีปะทะกัน เช่น  เหตุการณ์บ้านร่มเกล้า  อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ในปี 1988   และมีการปะทะกันอีกประปรายตามพื้นที่ริมแม่น้ำโขง แต่สาเหตุของการปะทะกันก็เนื่องมาจากปัญหาพรมแดนเป็นสำคัญ  อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการแบ่งเขตแดนที่ไม่แน่ชัดตั้งแต่ยุคอาณานิคม46    อีกทั้งกว่าที่แขวงไชยบุรีจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของขบวนการปเทดลาว (คอมมิวนิสต์ลาว) ก็ล่วงเข้าปี 1975 หรืออีกเกือบ 15 ปีต่อมา47    ข้อเท็จจริงเหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเกิดคำถามว่า   ความหวาดวิตกของชาวบ้านแพดเป็นผลสืบเนื่องมาจากการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลในขณะนั้นใช่หรือไม่

3. บทบาทของข้าราชการและผู้นำท้องถิ่น

นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายร้อย (ผู้กอง) กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ในฐานะตัวแทนของรัฐ  มีส่วนสำคัญในการส่งต่อข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากทางการแก่ชาวบ้าน   ข้อมูลของมอร์แมนทำให้ทราบว่าในที่ประชุมสภาตำบลหลายต่อหลายครั้ง หัวข้อการประชุมมักมีเรื่องเกี่ยวกับการให้ผู้ใหญ่บ้านคอยเตือนชาวบ้านให้ระวังคนแปลกหน้าที่เข้ามาภายในหมู่บ้าน เพราะอาจเป็นสายลับคอมมิวนิสต์ที่เข้ามาสืบความลับภายในหมู่บ้าน48

ในแง่นี้เราอาจมองได้ว่า หน่วยงานราชการทั่วประเทศโดยเฉพาะที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานสำคัญในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ของรัฐไปยังชุมชน  โดยอาศัยบรรดาข้าราชการในสังกัด    ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยเองก็มักมีการจัดอบรมบรรยายสงครามจิตวิทยาอยู่เสมอๆ เนื้อหาของคำบรรยายประกอบด้วยภัยคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ต่อสถาบันหลักของชาติ  ต่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและเสรีภาพ   ความเข้มแข็งของโลกเสรี   ผลงานของรัฐบาล แ ละกลวิธีต่างๆ ที่คอมมิวนิสต์ใช้เพื่อยึดครองประเทศไทย49

เนื้อหาการอบรมต่างๆ เหล่านี้จะถูกถ่ายทอดลดหลั่นกันตามลำดับ จากนายอำเภอสู่กำนัน จากกำนันสู่ผู้ใหญ่บ้าน และจากผู้ใหญ่บ้านถึงบรรดาชาวบ้านในหมู่บ้าน  นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดตั้งหน่วยงานต่างๆ เช่น คณะกรรมการอบรมข้าราชการและประชาชน (ปัจจุบันไม่มีหน่วยงานนี้แล้ว) และกรมประมวลราชการแผ่นดิน (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเป็นสำนักข่าวกรองแห่งชาติ) เพื่อทำหน้าที่อบรมข้าราชการและประชาชนให้เข้าใจกลวิธีของคอมมิวนิสต์ และจัดทำแผนปราบปรามคอมมิวนิสต์อีกด้วย

4. การแทรกแซงของสหรัฐอเมริกา

จากการที่รัฐบาลไทยเลือกที่จะอิงนโยบายต่างประเทศของตนกับชาติมหาอำนาจของฝ่ายโลกเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา  ได้ทำให้เราเห็นบทบาทต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาที่ปรากฏอยู่ในบันทึกภาคสนามของมอร์แมน  เช่น การให้ความช่วยเหลือทางการเงินหรือการทหารแก่รัฐบาลไทยและบรรดาชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ  ดังเช่นกรณีที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา (CIA) ได้ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาทางการทหารแก่กองกำลังชาวม้งในลาว เพื่อใช้เป็นพลลาดตระเวนสืบข่าวความเคลื่อนไหวและสร้างความวุ่นวายในลาวและเวียดนามเหนือ50  หรือการให้ความสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์กับบรรดาทหารกั๋วหมินตั่งแตกทัพตามบริเวณชายแดนทางด้านเหนือของไทย เพื่อจุดประสงค์ในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ลาวและเวียดนาม

นอกจากนี้   จากบันทึกภาคสนามของมอร์แมนทำให้เราทราบว่า สหรัฐอเมริกาในสายตาชาวบ้านแพด เปรียบเสมือน “มิตรผู้อารี” ที่คอยให้ความช่วยเหลือชาติต่างๆ ให้รอดพ้นจากภัยคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยมีสำนักข่าวสารอเมริกัน51 (United States Information Service) เป็นหน่วยงานสำคัญในการนี้ ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ นิวัตพระนครเมื่อปี 1961 บรรดาข้าราชการที่รับผิดชอบการจัดงานฉลอง  เลือกที่จะนำภาพยนตร์ข่าวจากสำนักข่าวสารอเมริกันมาฉายให้ชาวบ้านดู  เพื่อให้ชาวบ้านได้ทราบข่าวความเป็นไปของโลก  มอร์แมนเองได้ตั้งข้อสังเกตว่า  ข่าวที่มาจากสำนักข่าวดังกล่าวเป็นโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองของอเมริกาหรือไม่52

สุดท้ายแล้ว แม้แต่ตัวของมอร์แมนเอง ในฐานะที่เป็นนักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน เขาเข้ามาทำงานวิจัยที่เมืองไทยในฐานะใดกันแน่   นักมานุษยวิทยาอาชีพหรือตัวแทนของรัฐบาลอเมริกา  เพราะมอร์แมนเองดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ United States Agency for International Development (USAID)53 และยังเป็นสมาชิกของ Institute for Defense Analyses (IDA)54 หน่วยงานทั้งสองต่างมีสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกับรัฐบาลอเมริกาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ USAID นั้นเคยรับหน้าที่ในการจัดส่งเสบียงให้กับกองทัพม้งของนายพลวังเปา จนทำให้กองทัพนี้ถูกขนานว่าเป็น “กองทัพลับของอเมริกา”55

ในช่วงทศวรรษที่ 1970 สงครามเวียดนามมิได้เป็นประเด็นที่ร้อนแรงเฉพาะในวงการการเมืองของอเมริกาเท่านั้น   แต่ในวงวิชาการมานุษยวิทยา ประเด็นดังกล่าวก็ถูกนำมาถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ทั้งนี้เป็นเพราะเอกสารงานวิจัยของนักมานุษยวิทยา ถูกรัฐบาลสหรัฐนำไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนงาน เพื่อการดำเนินนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยเฉพาะมอร์แมนเองนั้น ได้เกิดกรณีที่ผู้ช่วยนักวิจัยของเขาแอบนำเอกสารงานวิจัยซึ่งแสดงให้เห็นถึงการติดต่อระหว่างสถาบันการศึกษากับรัฐบาล  ส่งไปตีพิมพ์ยัง Student Mobilization Committee to End the War in Vietnam ซึ่งเป็นคณะกรรมการนักศึกษาที่รวมตัวกันเคลื่อนไหวเพื่อหยุดยั้งสงครามเวียดนาม

ข้อถกเถียงดังกล่าวได้นำไปสู่การตั้งคำถามต่อการทำงานวิจัยของนักมานุษยวิทยา เช่น ความรับผิดชอบของนักวิจัยในการนำข้อมูลของกลุ่มชนที่ตนทำการศึกษาไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นๆ   จรรยาบรรณในการศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ   ความสัมพันธ์และพันธะระหว่างนักวิจัยกับนโยบายทางการเมืองของรัฐบาล   บทบาทของรัฐบาลสหรัฐในดินแดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากมอร์แมนแล้ว ยังมีนักมานุษยวิทยาอีกหลายคนที่เคยทำงานในไทยและเป็นสมาชิก หรือเป็นที่ปรึกษาองค์กรต่างๆ ในลักษณะนี้  เช่น Herbert Phillips Steven Piker และ Lauriston Sharp

ส่งท้าย

เมื่อกล่าวถึงการทำงานวิจัยภาคสนามของนักมานุษยวิทยา     คนทั่วไปอาจนึกถึงการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของชาวบ้าน เทศกาล และประเพณีที่สำคัญต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นเรื่องราวความเป็นไปของชุมชนนั้นๆ    อาจไม่มีใครคาดคิดว่าเอกสารงานวิจัยภาคสนามของนักมานุษยวิทยาจะช่วยสะท้อนถึงผลกระทบ ที่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งได้รับ  อันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของโลก

ผู้เขียนคาดหวังว่า ประเด็นเรื่องทัศนคติของชาวไทลื้อ บ้านแพด ที่มีต่อภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามเย็น ซึ่งเป็นเพียงประเด็นเล็กๆ ที่ผู้เขียนหยิบยกมาจากเอกสารงานวิจัยภาคสนามของมอร์แมน  อาจช่วยเปิดมุมมองใหม่แก่ผู้อ่านเกี่ยวกับแนวทางการศึกษาเอกสารงานวิจัยภาคสนามของนักมานุษยวิทยาในอดีต   แม้ว่าข้อมูลบางส่วนอาจจะล้าสมัยไปบ้าง   แต่เอกสารงานวิจัยภาคสนามเหล่านี้ก็ยังคงมีคุณค่า    อย่างน้อยก็ได้ทำให้เราเห็นภาพประวัติศาสตร์ของชุมชนในอดีต   ดังเช่นที่บันทึกภาคสนามของมอร์แมนได้ทำให้เห็นภาพในอดีตของชาวไทลื้อบ้านแพดเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน

———————————————-

เชิงอรรถ

1 ในบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนจะใช้ปี ค.ศ. เป็นหลักในการเขียน แต่ทั้งนี้ในส่วนของหนังสืออ้างอิงภาษาไทยซึ่งระบุปีที่ตีพิมพ์เป็น พ.ศ. ผู้เขียนจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะยังคงปี พ.ศ. ไว้ตามเดิม ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกสำหรับผู้อ่านที่ต้องการสืบค้นเอกสารเพิ่มเติม

2 รายละเอียดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในยุคสงครามเย็น โปรดดู Jeremy Issacs and Taylor Downing, Cold War: An Illustrated History, 1945-1991, (Boston: Little, Brown and Company, 1998).

3 Wikipedia, The Killing Field (film), Available from: http://en.wikipedia.org/wiki/ The_Killing_Fields_%28film%29 (accessed on 8 March 2008).

4 Jonathan D. Spence, The Search for Modern China, 2nd., (New York: W.W. Norton & Company, 1999), pp. 597-600 และ ทวีป วรดิลก, ประวัติศาสตร์จีน, พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2542), น. 490-492.

5 เกี่ยวกับการวิจัยภาคสนามทางมานุษยวิทยา โปรดดู งามพิศ สัตย์สงวน, การวิจัยทางมานุษยวิทยา, (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542).

6 ผู้เขียนเลือกใช้คำว่า “ตัวละคร” (actor หรือ character) เพราะเห็นว่าเหมาะสมมากกว่าคำว่า “ผู้ให้ข้อมูล” (informant) หรือ “ผู้ถูกสัมภาษณ์” (interviewee) เนื่องจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้รับจากการทำงานกับเอกสารงานวิจัยภาคสนามของมอร์แมนนั้น เปรียบได้กับการอ่านไดอารี หรือนิยายเล่มหนึ่งซึ่งน่าติดตามมากกว่าการอ่านเอกสารงานวิจัยทั่วไป

7 แม้ว่ามอร์แมนจะได้เข้ามาทำงานวิจัยภาคสนามที่บ้านแพดหลายช่วงระยะเวลาด้วยกัน คือ ปี 1959-1961, 1965, 1968-1969, 1979 และ 1986   แต่ในปี 1959-1961 ซึ่งมอร์แมนเข้ามาทำงานวิจัยภาคสนามที่บ้านแพดเป็นครั้งแรก ทุกวันเขาจะออกเก็บข้อมูลต่างๆ ในชุมชน และบันทึกทุกอย่างเอาไว้ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่อาศัยอยู่ในชุมแห่งนี้   ทำให้การเก็บข้อมูลในช่วงระยะเวลาดังกล่าวสมบูรณ์มากที่สุด ผู้เขียนจึงเลือกนำข้อมูลในช่วงเวลานั้นมาใช้ในบทความ

8 จ.พะเยาเดิมเคยเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.เชียงราย และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 1977 เป็นจังหวัดลำดับที่ 72 ของประเทศไทย, อ้างจาก กรมศิลปากร, วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดพะเยา, (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา, 2544), น. 1.

9 เรื่องเดียวกัน, น. 1-2.

10 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-64, ศูนย์มานุษยวิทยา  สิรินธร (องค์การมหาชน) อนึ่ง ต่อจากนี้  การอ้างถึงเอกสารในโครงการฯ จะอ้างโดยย่อ

11โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-70.

12 เขียน ธีระวิทย์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในเอเชีย บรรดาชาวนายากจนตามชนบทห่างไกล กลับกลายเป็นเป้าหมายสำคัญในการปลุกระดมมวลชน   ตัวอย่างสำคัญของการปลุกระดมมวลชนตามแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์เอเชีย คือ การดำเนินงานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของเหมาเจ๋อตง (Mao Zedong, 1893-1976)   ซึ่งเลือกที่จะปลุกระดมมวลชนในชนบทที่ห่างไกลของจีน มากกว่าที่จะปลุกระดมมวลชนตามหัวเมืองใหญ่ เหมาเชื่อว่า การปฎิวัติจะประสบผลสำเร็จได้ต้องอาศัยบรรดาชาวนาเป็นแกนนำสำคัญ อ้างจาก เขียน ธีระวิทย์, “ในระหว่างก้าวไปสู่ระบบสังคมนิยมในทัศนะของชาวมาร์กซ์ (ภาค 1)  วิเคราะห์ในแง่ทฤษฎี,” วรสารสังคมศาสตร์, ปีที่ 11 ฉบับที่ 3 (ก.ค. 2517), น. 76-77.

13 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-195.

14 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-112.

15 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-232.

16 นายเชวง วงศ์ใหญ่ อดีต ส.ส.พะเยา พรรคกิจสังคม จากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 1983. อ้างจาก กรมศิลปากร, น. 10.

17 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-178.

18 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-183.

19 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-233.

20 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-263.

21 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-73.

22 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-104.

23 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-185.

24 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-217.

25 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-209.

26 ในส่วนนี้อาจเป็นการบันทึกข้อมูลที่ผิดพลาดของมอร์แมน เพราะจอห์น เอฟ เคนเนดี (John F. Kenedy, 1917-1963) ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก่อนนิกสัน เคนเนดีเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1961-1963 ส่วนนิกสันเป็นประธานาธิบดีคนที่ 37 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1969-1974. Available from: Wikipedia, List of Presidents of the United States, http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Presidents_of_the_United_States  (accessed on the 8 March 2008).

27 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-180

28 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-204

29 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-183

30 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-237

31 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-281

32 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-241

33 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-242

34 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-183.

35 วิวัฒน์ มุ่งการดี, “การต่างประเทศของไทย ระหว่างปี ค.ศ. 1940-1950” ใน 5 ทศวรรษการต่างประเทศของไทย: จากความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ, ชัยโชค จุลศิริวงศ์, บรรณาธิการ, (กรุงเทพฯ: บ.พรีสเกล, 2536), น. 115-116.

36 จุลชีพ ชินวรรโณ, “นโยบายต่างประเทศของไทยในช่วงสงครามเย็น” ใน 5 ทศวรรษการต่างประเทศของไทย: จากความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ, น. 123-124.

37 สุวิทย์ ธีรศาศวัต, ประวัติศาสตร์ลาว 1979-1975, (กรุงเทพฯ: บริษัทสำนักพิมพ์สร้างสรรค์ จำกัด, 2543), น. 375-396.

38 สุเทพ สุนทรเภสัช, หมู่บ้านอีสานยุค “สงครามเย็น”: สังคมวิทยาของหมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน, 2548), น. 13-14.

39 แถมสุข นุ่มนนท์, “แถลงการณ์ร่วมถนัด-รัสก์ ค.ศ. 1962” ใน 5 ทศวรรษการต่างประเทศของไทย: จากความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ, น. 161 อ้างถึง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์, คำแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี เรื่องสถานการณ์ในประเทศลาว 21 กันยายน 2503, น. 9-19.

40 พวงทอง รุ่งสวัสดิทรัพย์ ภวัครพันธุ์, สงครามเวียดนาม: สงครามกับความจริงของ “รัฐไทย”, (กรุงเทพฯ: โครงการจัดพิมพ์คบไฟ, 2549).

41 จุลชีพ ชินวรรโณ, “นโยบายต่างประเทศของไทยในช่วงสงครามเย็น” ใน 5 ทศวรรษการต่างประเทศของไทย: จากความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ, น. 122-125.

42 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-186.

43 พวงทอง รุ่งสวัสดิทรัพย์ ภวัครพันธุ์, น. 21-22.

44 แม่อัมพรทำงานเป็นแม่บ้านให้มอร์แมน เมื่อตอนอายุ ประมาณ 16-17 ปี (ตรงกับช่วงปี 1960-1961)

45 บทสัมภาษณ์แม่อัมพร มังคลาดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2007 บ้านแพด ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา.

46 David Oldfied, Cold War Relation Between Thailand and Lao, 1950s-1991, (Indochina Studies Center, Burapha University, Chonburi,1999), pp. 31-39.

47 สุทันต์ มั่งไธสง, ขบวนการกู้ชาติลาว: ศึกษากรณี “ลาวอิสระ” ในระหว่าง ค.ศ. 1945-1949, ปริญญานิพนธ์ ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2539), น. 140 อ้างถึง ทองสา ไชยวงคำ และคนอื่นๆ, ประวัติศาสตร์ลาว เล่ม 3 (1893-ปัจจุบัน), น. 232-240, 249-324, 325-408. (ภาษาลาว)

48 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-203 และเอกสารหมายเลข MM-18-237.

49 พวงทอง รุ่งสวัสดิทรัพย์ ภวัครพันธุ์, น. 21 อ้างถึง กจช., มท.0201.2.1.43/277. เอกสารกระทรวงมหาดไทย.

50 แกรนท์ อีแวนส์, ประวัติศาสตร์สังเขปประเทศลาว: ประเทศกลางแผ่นดินใหญ่เอเชียอาคเนย์, แปลโดย ดุษฎี          เฮย์มอนด์, (กรุงเทพฯ: โอ เอส พริ้นติ้ง เฮ้าส์, 2549), น. 150-153.

51 สำนักข่าวสารอเมริกันเป็นผู้ดำเนินงานด้านสารนิเทศและโครงการด้านวัฒนธรรมในประเทศไทยในนามของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยได้รับเงินสนับสนุนจากองค์การข่าวสารสหรัฐฯ   ในวอชิงตัน   เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการกระจายเสียงของวิทยุเสียงอเมริกา (VOA) และรายการโทรทัศน์ของเวิลด์เน็ต ที่เผยแพร่ออกอากาศไปทั่วโลก  ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวกับ  องค์การข่าวสารสหรัฐฯ  วิทยุเสียงอเมริกา  ข่าวและเหตุการณ์ปัจจุบัน Available from: http://www.usis.ksc.net.th/about-t.htm (accessed on the 12 March 2008).

52 โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย, เอกสารหมายเลข MM-18-179

53 USAID ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อคอยให้คำแนะนำแก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการทหาร   และให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรรม สาธารณสุข มนุษยธรรม ฯลฯ แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก   แต่ทั้งนี้ หากเราสืบค้นกลับไปดูประวัติการก่อตั้งของหน่วยงานจะพบว่า หน่วยงานนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้แผนการมาร์แชล (Marshall Plan) ซึ่งมีจุดประสงค์หลักในการฟื้นฟูประเทศต่างๆ ในยุโรป   ภายหลังเกิดความเสียหายอย่างหนักจากสงครามโลกครั้งที่ 2   จุดประสงค์ก็เพื่อให้ประเทศต่างๆ เหล่านี้ไม่กลายเป็นคอมมิวนิสต์ Available from: Wikipedia, United States Agency for International Development, http://en.wikipedia.org/wiki/ United_States_Agency_for_International_Development (accessed on the 12 March 2008).

54 IDA เป็นองค์กรเอกชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือต่างๆ แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในการป้องกันประเทศ  โดยให้ความช่วยเหลือทางด้านวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค  Available from: http://www.ida.org/aboutus.php (accessed on  the 12 March 2008).

55 แกรนท์ อีแวนส์, น. 153-154.

56 Eric Wakin, Anthropology Goes to War: Professional Ethnics & Counterinsurgency in Thailand, (Madison: Center for Southeast Asia Studies, University of Wisconsin-Madison, 1992), pp. 1-5.

บรรณานุกรม

หนังสือ
กาญจนะ ประกาศวุฒิสาร. ทหารจีนคณะชาติ (ก๊กมินตั๋ง) ตกค้างทางภาคเหนือประเทศไทย. เชียงใหม่: สยามรัตน์ พริ้นติ้ง, 2546.

แกรนท์ อีแวนส์. ประวัติศาสตร์สังเขปประเทศลาว: ประเทศกลางแผ่นดินใหญ่เอเชียอาคเนย์. แปลโดย ดุษฎี  เฮย์มอนด์. กรุงเทพฯ: โอ เอส พริ้นติ้ง เฮ้าส์, 2549.

ชัยโชค จุลศิริวงศ์, บรรณาธิการ. 5 ทศวรรษการต่างประเทศของไทย: จากความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ.  กรุงเทพฯ: บ.พรีสเกล, 2536.

ทวีป วรดิลก. ประวัติศาสตร์จีน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2542.

พวงทอง รุ่งสวัสดิทรัพย์ ภวัครพันธุ์. สงครามเวียดนาม: สงครามกับความจริงของ “รัฐไทย”. กรุงเทพฯ: โครงการจัดพิมพ์คบไฟ, 2549.

ศิลปากร, กรม. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดพะเยา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา, 2544.

สุทันต์ มั่งไธสง. ขบวนการกู้ชาติลาว: ศึกษากรณี “ลาวอิสระ” ในระหว่าง ค.ศ. 1945-1949. ปริญญานิพนธ์  ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2539.

สุวิทย์ ธีรศาศวัต. ประวัติศาสตร์ลาว 1979-1975. กรุงเทพฯ: บริษัทสำนักพิมพ์สร้างสรรค์ จำกัด, 2543.

Wakin, Eric. Anthropology Goes to War: Professional Ethnics & Counterinsurgency in Thailand.

Madison: Center for Southeast Asia Studies, University of Wisconsin-Madison, 1992.

Oldfied, David. Cold War Relation Between Thailand and Lao, 1950s-1991. Indochina Studies Center, Burapha University, Chonburi, 1999.

Spence, Jonathan D. The Search for Modern China. 2nd., New York: W.W. Norton & Company, 1999.

บทความ

เขียน ธีระวิทย์. “ในระหว่างก้าวไปสู่ระบบสังคมนิยมในทัศนะของชาวมาร์กซ์ (ภาค 1)  วิเคราะห์ในแง่ทฤษฎี,” วรสารสังคมศาสตร์. ปีที่ 11 ฉบับที่ 3 (ก.ค. 2517), น. 76-77.

ธันวดี สุขประเสริฐ และสิทธิศักดิ์ รุ่งเจริญสุขศรี. “จดหมายเหตุภาพไทลื้อ: ย้อนรอยจากเอกสารของมอร์แมน,” จดหมายข่าวสมาคมจดหมายเหตุไทย, ฉบับที่ 4 (ต.ค. 2550-ก.ย. 2551), น. 83-98.

ฟอลเกอร์ กราบ๊อฟสกี้. “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง,” ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 16 ฉบับที่ 3 (ม.ค. 2538), น. 103-114.

สื่ออิเล็กทรอนิกส์

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). โครงการฐานข้อมูลจดหมายเหตุทางมานุษยวิทยาในประเทศไทย.

สำนักงานจังหวัดพะเยา. แผนที่. Available from: http://www.phayao.go.th/map.html (accessed on 8 March 2008).

สำนักข่าวสารอเมริกัน. Available from: http://www.usis.ksc.net.th/about-t.htm (accessed on 12 March 2008).

Wikipedia. List of Presidents of the United States. Available from: http://en.wikipedia.org/wiki/ List_of_Presidents_of_the_United_States (accessed on 8 March 2008).

Wikipedia. Rambo. Available from: http://en.wikipedia.org/wiki/Image:Rambo_first_ blood_part_ii.jpg (accessed on 8 March 2008).

Wikipedia. The Killing Field (film). Available from: http://en.wikipedia.org/wiki/ The_Killing_Fields_%28film%29 (accessed on 8 March 2008).

Wikipedia. United States Agency for International Development. Available from: http://en.wikipedia.org/wiki/United_States_Agency_for_International_Development (accessed on 12 March 2008).

IDA. About IDA. Available from: http://www.ida.org/aboutus.php (accessed on 12 March 2008).

บทสัมภาษณ์

บทสัมภาษณ์แม่อัมพร มังคลาด เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2007 บ้านแพด ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา.

หนังสือแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความ

งามพิศ สัตย์สงวน. การวิจัยทางมานุษยวิทยา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542.

Issacs, Jeremy and Taylor Downing. Cold War: An Illustrated History, 1945-1991. Boston: Little, Brown and Company, 1998.

ขอขอบคุณ

อ.สุวรรณา เกรียงไกรเพ็ชร์ ที่ช่วยตรวจทานและแก้ไขบทความความ

อ.ชาตรี ประกิตนนทการ สำหรับความอดทนในการรอคอยงานของผู้เขียน

คุณชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ สำหรับข้อคิดเห็นและคำแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์

อ้างอิง : http://www.sac.or.th/databases/anthroarchive/backend/resource/file/communist.pdf

ป้ายกำกับ Michael Moerman

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Share
Facebook Messenger Icon คลิกที่นี่เพื่อสนทนา