การท่องเที่ยวที่ทำลายประเทศ

 |  เศรษฐกิจ มานุษยวิทยาในโลกธุรกิจ
ผู้เข้าชม : 1230

การท่องเที่ยวที่ทำลายประเทศ

           การท่องเที่ยวสร้างรายได้สำคัญให้กับประเทศไทยมาตลอด รายได้ในปี พ.ศ. 2567 พบว่ามีจำนวน 1.67 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวน 35.54 ล้านคน (กรุงเทพธุรกิจ, 2 มกราคม 2568) เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น 26.27 เปอร์เซ็นต์ จากปี พ.ศ. 2566 กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ 1) จีน จำนวน 6,733,162 คน 2) มาเลเซีย จำนวน 4,952,078 คน 3) อินเดีย จำนวน 2,129,149 คน 4) เกาหลีใต้ จำนวน 1,868,945 คน และ 5) รัสเซีย จำนวน 1,745,327 คน ในช่วง 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2568 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยถึง 11,350,463 คน ความนิยมท่องเที่ยวไทยของชาวต่างชาติยังปรากฎอยู่ในรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations World Tourism Organization) พบว่าในปี พ.ศ. 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 28.15 ล้านคน และเป็นประเทศในเอเชียที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุด ข้อมูลจาก Global Tourism Forum รายงานว่าในปี พ.ศ. 2567 เมืองที่เป็นเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร มีนักท่องเที่ยวจำนวน 32.4 ล้านคน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้แจงว่าในปี พ.ศ. 2568 คาดการณ์ว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 37.5 ล้านคน จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.78 ล้านล้านบาท และการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อการเดินทางคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 47,400 บาทต่อคนต่อการเดินทาง ตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้จำนวนมากนี้อาจเป็นภาพมายาที่ไม่สามารถสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชุมชน คนท้องถิ่น และวิถีชีวิตของคนไทย

           ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย อาจสัมพันธ์กับการให้ฟรีวีซ่า 93 ประเทศ ทำให้ชาวต่างชาติเดินทางมาพักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้งด้านธรรมชาติ หาดทราย ทะเล ภูเขา แหล่งประวัติศาสตร์ วัด ศาสนสถาน ประเพณีวัฒนธรรม งานเทศกาลต่าง ๆ รวมถึงมีย่านจับจ่ายใช้สอย ห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก ร้านอาหาร มีสถานที่ตากอากาศ โรงแรม รีสอร์ทที่สวยงาม สะดวก ทันสมัย ซึ่งการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวถือว่าคุ้มค่าเพราะราคาสินค้าและบริการไม่แพง นอกจากนั้น ยังมีการกล่าวถึงอัธยาศัยไมตรีของคนไทยที่มักชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยรายงานว่าในปี พ.ศ. 2568 นักท่องเที่ยวจากยุโรปและกลุ่มประเทศร่ำรวยเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะชาวอิสราเอล เพิ่มขึ้น 97.43 เปอร์เซ็นต์ ชาวอิตาลีเพิ่มขึ้น 28.6 เปอร์เซ็นต์ ชาวฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 22.65 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวจากยุโรปที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นยังประกอบด้วยอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สเปน รัสเซีย และเยอรมัน เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย และออสเตรเลีย ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวตะวันตกเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น คือสายการบินหลายแห่งเพิ่มเที่ยวบินที่เดินทางตรงมายังประเทศไทย เช่น สายการบิน Alitalia, Condor และ Evelop Airline ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงความนิยมประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

           การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเล็งเห็นกลุ่มชาวยุโรปและประเทศร่ำรวยเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเข้ามาจับจ่ายในประเทศ จึงพยายามรณรงค์ส่งเสริมและทำการตลาดกับชาวยุโรปและชาวตะวันออกกลาง โดยเน้นเรื่องการท่องเที่ยวแบบครอบครัว ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวด้านสุขภาพ โฆษณาเกี่ยวกับการพักผ่อนบนเรือยอชท์ การเล่นกอล์ฟ การฝึกมวยไทย รวมทั้งกิจกรรมด้านกีฬาชนิดต่าง ๆ กลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่ม Digital Nomad ที่เข้ามาอาศัยทำงานและพักผ่อนในประเทศไทย สถานที่ที่คนเหล่านี้นิยมมาอยู่อาศัยคือกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ เกาะสมุย และหัวหิน กลยุทธ์ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำมาใช้เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเหล่านี้ คือการจัดงานเทศกาลและกิจกรรม เช่น Thailand Summer Festivals, Wonderfruit, Amazing Thailand Grand Taste, International Fireworks Festival เป็นต้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดหวังว่านักท่องเที่ยวยุโรปและตะวันออกกลางจะนำเงินมาใช้จ่ายในประเทศไทยจำนวนมาก

           กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงยุทธศาสตร์ด้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1) กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ 2) กลุ่มผู้กำกับนโยบายและภาครัฐ 3) กลุ่มชุมชนและสังคม 4) กลุ่มพันธมิตร ได้แก่ ผู้ประกอบการ สื่อ บริษัทในเครือ 5) กลุ่มคณะกรรมการ ททท. 6) กลุ่มพนักงาน และ 7) กลุ่มคู่แข่งและคู่เปรียบเทียบ จากการวิเคราะห์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่าข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวยังมีอยู่น้อย ทำให้ไม่เข้าใจความต้องการของนักท่องเที่ยว ในยุทธศาสตร์ยังระบุว่าการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต้องคำนึงถึงชุมชนท้องถิ่น ภูมิปัญญา ประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาตรการที่จะช่วยส่งเสริมความยั่งยืน เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สารพิษ น้ำเสียและกากของเสีย บริหารจัดการประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-efficiency) ลดปริมาณของเสียจากการใช้ทรัพยากรให้เหลือน้อยลงหรือเท่ากับศูนย์ เป็นต้น ปัญหาที่พบคือ นักท่องเที่ยวบางกลุ่มไม่เข้าใจว่าอะไรคือการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รวมทั้งระบุไว้ชัดเจนว่า “การหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน อาจเกิดความเสี่ยงและส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยว ในขณะที่กลุ่มชุมชนก็ยังไม่เข้าใจว่าความยั่งยืนในการท่องเที่ยวคืออะไร เช่นเดียวกับไม่มีความพร้อมในการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว

           บทความของไทยพีบีเอส (ThaiPBS) ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ policywatch เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 กล่าวว่าการท่องเที่ยวไทยยังเผชิญกับปัญหาเดิม คือ การกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้ที่มีอยู่เฉพาะ 3 จังหวัดใหญ่ คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และภูเก็ต พื้นที่ทั้งสามแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านที่พัก แหล่งบันเทิงยามราตรี ร้านอาหาร สถาน ตากอากาศ และแหล่งช้อปปิ้ง กรณีจังหวัดภูเก็ต มีสายการบินเดินทางมาวันละ 130 เที่ยว นักท่องเที่ยวที่มีอยู่มากคือ รัสเซีย อินเดีย และจีน ชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวและอยู่อาศัยได้สร้างปัญหา เช่น ทำร้ายและแย่งปืนตำรวจจราจร ทำร้ายคนไทย (กรณีเตะหมอ) นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ตกล่าวว่าในจังหวัดภูเก็ตพบปัญหาจากนักท่องเที่ยวเดือนละประมาณ 400 เรื่อง ปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการขับขี่รถของนักท่องเที่ยวที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร อุบัติเหตุบนท้องถนน ปัญหาทะเลาะวิวาท ยาเสพติด โจรกรรม และการเมาสุรา ผลกระทบจากปัญหาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากจะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแล้ว คนท้องถิ่นชาวไทยที่เป็นเจ้าของบ้านจะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสงบปลอดภัย หากนักท่องเที่ยวเข้ามาสร้างความวุ่นวาย คุณภาพชีวิตของชาวภูเก็ตก็จะเสื่อมทรามลง นอกจากนั้น ปัจจุบัน ภูเก็ตกำลังเผชิญปัญหาขยะล้นเมือง ปริมาณขยะที่เพิ่มวันละ 1,000 ตัน เกินขีดความสามารถในการจัดการของเจ้าหน้าที่ (ไทยรัฐ, 2567)

           การศึกษาของ ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ และอำไพ บูรณกิตติภิญโญ (2560) พบว่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซียนิยมเที่ยวทะเลและชายหาด จังหวัดที่มีทะเลจึงมีนักท่งเที่ยวรัสเซียอยู่มาก ผู้สื่อข่าวจากกรุงเทพธุรกิจอธิบายว่า (พิราภรณ์ วิทูรัตน์, 2566) นักท่องเที่ยวรัสเซียมีจำนวนมากเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้านักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา สถานที่ต่าง ๆ ในภูเก็ตจึงเริ่มมีป้ายภาษารัสเซียมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาคือชาวรัสเซียที่เข้ามาในประเทศไทย บางคนเข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมายโดยเปิดกิจการให้คนรัสเซียโดยตรง เช่น ร้านตัดผม ขับแท็กซี่ บริการนำเที่ยว และขายบริการทางเพศ มีการวิเคราะห์ว่าในช่วงปี พ.ศ. 2565 ชาวรัสเซียไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้เพราะปัญหาสงครามยูเครน ทำให้มีชาวรัสเซียจำนวนมากต้องอยู่ในประเทศไทยแบบไม่มีเงิน พวกเขาจึงต้องแสวงหาวิธีการหารายได้ เมื่อชาวรัสเซียมีสถานะเป็นผู้ต้องทำงานในประเทศไทย พวกเขาจึงซื้อคอนโดมิเนียมและบ้านพักวิลล่าอยู่ระยะยาว (the matter, 2566) เศรษฐีชาวรัสเซียเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นนักลงทุนธุรกิจด้านยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ตัวอย่างเช่น ชาวรัสเซียจะนำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องมาใช้เป็นยานพาหนะเพื่อรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่นของรัสเซียที่มีราคาถูกกว่ารถรับจ้างของคนไทย ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถเช่าและรถโดยสารของชาวภูเก็ตมีรายได้ลดน้อยลง รายได้จากการท่องเที่ยวในภูเก็ตจึงไม่ได้อยู่ในมือของคนไทย

           ก่อนที่จะมีปัญหาชาวรัสเซียมาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไทยก็เคยประสบปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ (Zero Dollar Tours) จากชาวจีน ซึ่งบริษัททัวร์จีนเข้ามาจัดการนำเที่ยวในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ในปี พ.ศ. 2562 ก่อนโควิดระบาด พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในไทยถึง 10,997,338 คน นักท่องเที่ยวจีนที่มากับทัวร์ศูนย์เหรียญมักจะเป็นชาวจีนที่มีรายได้น้อย ทัวร์มีราคาถูก เน้นจำนวนคนมาก ทัวร์จีนบางแห่งจะมีการขายลูกทัวร์ให้กับบริษัทไทย (ชัยฤกษ์ แก้วพรหมมาลย์, 2558; Thanaporn Kariyapol, 2019) บริษัททัวร์จะพาคนเหล่านี้ไปตามสถานที่และร้านค้าที่ทำข้อตกลงกัน เช่น ร้านจิวเวอรรี่ ร้านของชำร่วย ร้านกระเป๋า เป็นต้น ชาวจีนที่มาเที่ยวมักจะไม่รู้กฎระเบียบของสถานที่ท่องเที่ยวและสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าหน้าที่ เช่น เสียงดัง ทิ้งขยะ สร้างความรำคาญ ทำลายทรัพย์สิน เป็นต้น ปัญหาที่หนักกว่าคือมีการปลอมบัตรประชาชน ร่วมมือกับคนไทยทำธุรกิจผิดกฎหมาย มัคคุเทศก์เถื่อนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว หลังจากที่รัฐบาลไทยพยายามหามาตรการป้องกันปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้ทัวร์จีนหลายแห่งหยุดรับนักท่องเที่ยว แต่ในทางกฎหมายยังไม่มีการดำเนินคดีทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ. 2567 รายงานของ The standard ระบุว่าทัวร์จีนใช้คนไทยเป็นนอมินีเพื่อเปิดบริษัทบังหน้า แต่พนักงานในบริษัทเป็นคนจีนทั้งหมด เช่น นายทุนจีนมาซื้อโรงแรม คอมโดมิเนียม และร้านอาหาร โดยใช้ชื่อคนไทย รายได้จากบริษัทจีนเหล่านี้จะไม่อยู่ในประเทศไทย

           ปัญหาที่พบจากธุรกิจชาวจีนในปัจจุบัน คือ การเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมและปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้พักอาศัย ในปี พ.ศ. 2565 การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติในไตรมาส 2 มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติ 2,326 หน่วย เพิ่มจากปี พ.ศ. 2564 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ (Money Buffalo, 2565) ชาวจีนและนักธุรกิจต่างชาติที่มาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยจะอาศัยคนไทยเป็นนอมินีเพื่อถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ตามกฎหมาย แต่คนไทยที่เป็นนอมินีมิได้มีบทบาททางธุรกิจแต่อย่างใด คอมโดมิเนียมใดที่มีชาวต่างชาติซื้อจำนวนมากก็จะมีสิทธิ์ออกเสียงโหวตเพื่อกำหนดระเบียบต่าง ๆ และกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลที่เข้ามาควบคุมคอนโดมิเนียมแห่งนั้น นักท่องเที่ยวที่มาพักรายวันในคอนโดมิเนียมจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื่มสุรา เมา ทะเลาะวิวาท สูบกัญชา ส่งเสียงดัง ปัญหานี้สร้างผลเสียทางสังคมและเศรษฐกิจ (พรไพลิน จุลพันธ์, 2568) เนื่องจากรายได้จากการเช่าห้องไม่ได้อยู่ในมือคนไทย รัฐไม่ได้รับภาษี และผู้อยู่อาศัยถูกรบกวน ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ เมื่อมีการให้ฟรีวีซ่าแก่ชาวต่างชาติ ถือเป็นการเปิดเสรีให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจสีเทาในประเทศไทย เช่น บ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ ทำวีซ่าผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติด ลักพาตัว หลอกลวงทางโทรศัพท์ เป็นต้น รายงานของประชาชาติธุรกิจกล่าวว่า นโยบายฟรีวีซ่าส่งผลกระทบต่อจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยยาวนานถึง 60 วัน นักธุรกิจต่างชาติบางคนซื้อบ้านจัดสรรจำนวนมากเพื่อขายต่อให้กับชาวต่างชาติ หากไม่ตรวจสอบอย่างจริงจัง ชาวต่างชาติเหล่านี้ก็จะไม่ใช่นักท่องเที่ยวเสมอไป แต่เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย

           ในแง่เศรษฐกิจ ทัวร์ศูนย์เหรียญและการแอบแฝงของนักธุรกิจต่างชาติโดยใช้คนไทยเป็น นอมินี ประเทศไทยจะสูญเสียรายได้จำนวนมาก ในช่วงปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา รูปแบบการท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป บริษัททัวร์จีนมีการขายทัวร์อย่างดุเดือด ราคาทัวร์ถูกลง สินค้าต่าง ๆ ผลิตจากจีน เครือข่ายร้านอาหาร ร้านขายของ ที่พัก ล้วนเป็นของคนจีน นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เรียกทัวร์แบบนี้ว่า ทัวร์อั้งยี่ (ประชาชาติธุรกิจ, 2567) หรือ “ทัวร์ทุบตลาด” (Reporter Journey, 2567) ชาวจีนที่มากับทัวร์ประเภทนี้จะต้องซื้อสินค้าภายใต้เครือข่ายของบริษัทเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าการกำหนดฟรีวีซ่าเป็นช่องโหว่ให้ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในไทยแอบอ้างว่าเป็นนักท่องเที่ยว หรืออ้างเป็นนักศึกษา กรณีชาวจีนที่อาศัยช่องโหว่นี้จะเข้ามาแต่งงานกับคนไทยเพื่อขอสัญชาติไทย จากนั้นจึงหย่า เมื่อมีลูกจะได้สัญชาติไทย และให้ลูกเป็นนอมินีเพื่อทำธุรกิจ ถืออสังหาริมทรัพย์ (Money Buffalo, 2566) ปัจจุบันรูปแบบธุรกิจของชาวจีนที่ผิดกฎหมาย ได้แก่ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ปล่อยเช่ารายวัน เช่าเหมาโรงแรม สร้างไนท์คลับบังหน้าเพื่อทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทำพนันออนไลน์ เปิดสถาบันภาษาบังหน้าเพื่อทำวีซ่าปลอม เปิดร้านอาหารให้คนไทยเป็นนอมินี ซื้อโรงงานผลิตสินค้าและหลอกลวงติดป้าย made in Thailand เป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อผลไม้ไทยและส่งขายต่างประเทศ เปิดร้านนวดรับนักท่องเที่ยว ทำธุรกิจรถเช่ารองรับทัวร์ศูนย์เหรียญ สร้างกลลวง Call Center และลักพาตัวคนจีนที่มาไทยเพื่อเรียกค่าไถ่ ธุรกิจจีนเทาจะพบมากในย่านห้วยขวาง รัชดาภิเษก เยาวราช และสัมพันธวงศ์ ธุรกิจของจีนเทาที่กำลังถูกตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีประมาณ 325 ราย กระจายตัวอยู่ในเชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพฯ (Money Buffalo, 2566)

           เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2566 ตำรวจภูธรภาค 8 ระดมกำลังกวาดล้างชาวต่างชาติที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ชาวต่างชาติเหล่านี้มีทั้งจีน รัสเซีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา มีการใช้คนไทยเป็นนอมินีบังหน้าเพื่อประกอบธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม โรงเรียนนานาชาติ โรงแรม ธุรกิจรถเช่า คอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร ธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชา แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การรับเลี้ยงเด็ก บุหรี่ไฟฟ้า ขายส่งดอกไม้ ต้นไม้ และปลูกพืช ทำให้ไทยเสียรายได้ 1,000 ล้านบาท (Phuket Time, 2568) นอกจากนั้นร้านค้าที่อยู่ในเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญมักจะขายสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ ทำให้ภาพลักษณ์ของไทยเสียหายในสายตาต่างชาติ เช่น บริษัทจีนเข้ามาผลิตพระเครื่องปลอมและขายให้กับชาวจีนที่นิยมบูชาพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง หรือซื้อพระเครื่องราคาถูกและนำไปขายแพงให้กับชาวจีน ได้แก่ หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ พระหลวงพ่อกวยรุ่นพระปกโพธิ์เก้าใบ หลวงปู่หลิวประทับพญาเต่าเรือน เป็นต้น นายทุนจีนเข้าไปเช่าพื้นที่วัดดังเพื่อเปิดร้านค้าขายพระและวัตถุมงคล เช่น วัดเขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี (ผู้จัดการรายสัปดาห์, 2566) ในภูเก็ต มีนายทุนจีนเข้าไปเช่าที่วัดพระนางสร้างและนำนักท่องเที่ยวจีนมาซื้อวัตถุมงคลเช่นกัน รวมทั้งมีการสร้างรูปปั้นเกจิอาจารย์และสิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้คนจีนมากราบไหว้ แต่หน่วยงานรัฐเข้าไปทุบทำลายเมื่อปี 2561 (ข่าวสด, 2561) ไกด์ชาวจีนมีส่วนปั่นราคาพระเครื่องสูงเกินจริง และยังทำข้อตกลงกับพระสงฆ์ให้ผลิตพระเครื่องตามออเดอร์ของชาวจีน พระเครื่องและวัตถุมงคลถือเป็นสินค้าที่สร้างกำไรให้กับนายทุนจีนมากที่สุด การผลิตพระปลอมในทัวร์ศูนย์เหรียญถือว่าสร้างความเสื่อมเสียทั้งเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

           แง่สังคม นักธุรกิจจีนที่เข้ามาทำงานผิดกฎหมายจะเข้ามากว้านซื้อบ้านหรูและคอนโดมิเนียมราคาแพง เช่น ย่านซอยลาซาล สุขุมวิท ใช้สถานที่ดังกล่าวเล่นการพนัน มั่วสุม จัดงานปาร์ตี้ ส่งเสียงดังในเวลากลางคืน สร้างความรำคาญให้กับคนไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น คนไทยบางคนทนไม่ได้ต้องขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม เพื่อหนีไปอยู่ที่ใหม่ (BBC News ไทย, 2565) เมื่อหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมถูกยึดครองด้วยชาวจีน คนไทยจะกลายเป็นคนกลุ่มน้อยและไม่มีสิทธิออกเสียงในกรรมการหมู่บ้านและอาคารชุด ในกรณีภูเก็ต ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย มีการเอาเปรียบคนไทย เศรษฐีชาวรัสเซียที่ได้รับอภิสิทธิ์จาก Thailand Elite Visa จะเข้ามาลงทุนในภูเก็ต เช่น ผู้ชายรัสเซียจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงไทย หลังจากนั้นได้ขอจดทะเบียนตั้งบริษัทเพื่อทำกิจการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว พบมากในเขตป่าตอง กมลา กะตะ กะรน เชิงทะเล ในหาน และบางเทา บริษัททัวร์รัสเซียจะนำชาวรัสเซียมาใช้บริการโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ยานพาหนะที่ดำเนินการโดยชาวรัสเซีย พาไปเที่ยวแหลมพรหมเทพ ชมวิวบนเขารัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และเกาะต่าง ๆ คนไทยที่ทำธุรกิจทัวร์ ที่พัก ร้านอาหาร และขนส่ง ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทจากรัสเซียได้ จนต้องเลิกกิจการ และมีการร้องเรียนตำรวจที่สถานีกะรนให้เข้ามาจัดการปัญหานี้ เช่น ในปี พ.ศ. 2556 ชาวภูเก็ตย่านบางเทารวมตัวเดินขบวนประท้วงขับไล่บริษัทรัสเซีย ชื่อ Alex Tour มีการเขียนป้ายประท้วง “Russian Business Get Out” “บางเทาเขตปลอดธุรกิจเถื่อน” จนสามารถทำให้บริษัทนี้ย้ายออกจากพื้นที่

           การศึกษาปัญหาธุรกิจท่องเที่ยวที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนท้องถิ่น นักมานุษยวิทยาเช่น Morgan Glup(2021) กล่าวว่า “การท่องเที่ยวที่มากเกินไป” (overtourism) สร้างผลเสียให้กับคนท้องถิ่น โดยเฉพาะการจำกัดทางเลือกเชิงเศรษฐกิจที่นายทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำและมีอำนาจเหนือการตัดสินใจของคนท้องถิ่น ในงานศึกษาของ Valene L. Smith (1989) ระบุไว้ว่าการท่องเที่ยวเปรียบเสมือนเป็นสื่อกลางเพื่อการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม (medium for cultural exchange) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง ช้อปปิ้ง และการพักผ่อนยามว่าง นักท่องเที่ยวจากประเทศร่ำรวยจะใช้เวลาว่างไปอยู่อาศัยชั่วคราวในดินแดนห่างไกลที่มีความแตกต่างจากบ้านเกิด ดังนั้น กลุ่มนักท่องเที่ยวจึงเป็นผู้มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม เมื่อพวกเขาเข้าไปในพื้นที่ต่างถิ่น ย่อมจะมีสิ่งที่คนท้องถิ่นไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับ การบริการ การสนทนา และการตอบโต้ทางสังคม นักมานุษยวิทยามิได้มองการท่องเที่ยวเป็นกลไกที่ส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่มองในฐานะผลกระทบเชิงสังคม (social repercussions) กิจกรรมของนักท่องเที่ยวและวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การพักอาศัย การกิน การขับถ่าย การจับจ่าย การเข้าไปในสถานที่ที่มีคนท้องถิ่นอาศัยล้วนเป็นผลกระทบทั้งสิ้น

           มุมมองของคนท้องถิ่นที่มีต่อการท่องเที่ยวจึงมีความสำคัญ หากสิ่งที่เกิดขึ้นในการท่องเที่ยวสร้างความอึดอัด ความรำคาญ ความยุ่งยาก การเอารัดเอาเปรียบ และการแสวงหาประโยชน์โดยกลุ่มคนนอก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว นายทุน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ การท่องเที่ยวที่มองไม่เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นก็ย่อมเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายสังคมและวัฒนธรรม การท่องเที่ยวยุคปัจจุบันเกิดขึ้นบนโครงสร้างระบทุนนนิยมโลกและลัทธิเสรีนิยมใหม่ ซึ่งกำลังเข้าไปแทรกแซงและแสวงหาประโยชน์จากชุมชนท้องถิ่น ไม่ใช่เพียงประเทศไทยที่เผชิญกับปัญหาทัวร์ที่ผิดกฎหมายและชาวต่างชาติที่เข้ามาเอาเปรียบคนท้องถิ่น มีหลายประเทศที่พบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ ความคิดเรื่องการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศในท้องถิ่นไม่ถูกทำลายจนสิ้นซาก (Burns, 1999; Mowforth and Munt, 2003) เช่นเดียวกับแนวคิดการนำวัฒนธรรมมาเป็นสินค้า ซึ่งคุณค่าและความหมายของวัฒนธรรมในมุมมองของคนท้องถิ่นจะต่างไปจากมุมมองของนักท่องเที่ยว (Root, 1996; Stronza, 2001) รวมถึงการที่นักธุรกิจเอางานสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นไปสร้างเป็นสินค้าสมัยใหม่ที่มีราคาแพงเพื่อขายต่อให้นักท่องเที่ยว โดยที่คนท้องถิ่นในฐานะเจ้าของงานสร้างสรรค์ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ (Theobald, 1998)

           ปัญหาการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน ทัวร์ศูนย์เหรียญ จีนเทา นายทุนรัสเซีย ธุรกิจผิดกฎหมาย ล้วนเป็นผลมาจากโครงการการพัฒนาและนโยบายที่บิดเบี้ยวของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบสุดโต่ง แต่ละเลยที่จะนำคนท้องถิ่นเข้ามาร่วมวางแผน ตัดสินใจและเลือกแนวทางที่เหมาะสม รัฐบาลไทยที่เปิดเสรีให้กับนายทุนต่างชาติคือการบ่อนทำลายชาติทางอ้อม ปัญหานี้เกิดขึ้นทุกวงการ ในกรณีการท่องเที่ยว ผลประโยชน์ส่วนใหญ่เคยตกอยู่ในกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เมื่อมีนายทุนศูนย์เหรียญเข้ามาแทรกแซง กลุ่มทุนเดิมก็เสียประโยชน์ และซ้ำเติมธุรกิจรายย่อยของคนไทยที่เป็นคนขับรถแท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้าขายอาหาร ขายของที่ระลึก ร้านนวด ร้านสปา และลูกจ้างแรงงานจำนวนมาก ภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวเช่นกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต กลายเป็นแหล่งแสวงหากำไรของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากจีน รัสเซีย และอินเดีย ไม่ได้สร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่น ดังนั้น การมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจึงมิใช่ตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน หากดูพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวรัสเซีย จีน หรืออินเดีย จะพบว่าสร้างความปั่นป่วนและเดือดร้อนให้กับคนไทย ปัญหานี้เกิดขึ้นในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เวนิส อัมสเตอร์ดัม และ บาร์เซโลน่า รัฐบาลของอิตาลี เนเธอร์แลนด์ และสเปนจึงหยุดโฆษณาการท่องเที่ยวในเมืองเหล่านี้ เพราะมีนักท่องเที่ยวมากเกินไปและแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (Goodwin, 2017)

           การท่องเที่ยวที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ คือการให้คนท้องถิ่น ประชาชน คนรากหญ้ามีทางเลือก มีโอกาส มีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจ และมีช่องทางที่จะดำเนินกิจกรรมและกิจการที่คิดอยู่บนฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิต สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของผู้บริหารในระดับชาติและระดับท้องถิ่นที่จำเป็นต้องมองคนในพื้นที่เป็นกลไกสำคัญ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น Kara Fox (2019) กล่าวว่าเมืองท่องเที่ยวที่ดีคือเมืองที่สามารถทำให้ประชาชนในพื้นที่มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขและทำมาหากินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักมานุษยวิทยา Morgan Glup กล่าวว่าการท่องเที่ยวปัจจุบันจำเป็นต้องสนใจผลกระทบทางสังคมและประสบการณ์ชีวิตของผู้คนที่หลากหลายในพื้นที่ หากละเลยสิ่งเหล่านี้ นั่นคือการท่องเที่ยวที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง


เอกสารอ้างอิง

ข่าวสด. (2561). พบพฤติกรรมคล้ายศูนย์เหรียญ เช่าที่วัดพระนางสร้าง นำทัวร์จีนลงกราบไหว้ หลอกขายวัตถุมงคล รองผู้ว่าฯภูเก็ตสั่งทุบแล้ว. สืบค้นจาก  https://www.khaosod.co.th/economics/news_768019

ชัยฤกษ์ แก้วพรหมมาลย์. (2558). ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและผลกระทบต่อประเทศไทย. วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ, 6(4), 38-50.

ไทยรัฐ. (2567). ภูเก็ตเดือนเดียวสะพัด 4 หมื่นล้าน กับ 400 คดีปัญหาจากนักท่องเที่ยว. สืบค้นจาก  https://www.thairath.co.th/scoop/interview/2772417

ประชาชาติธุรกิจ. (2567). ทัวร์นอมินี” ทุ่มตลาด ลามหนักจากจีนสู่ “รัสเซีย-อินเดีย. สืบค้นจาก  https://www.prachachat.net/tourism/news-1591693

ประชาชาติธุรกิจ. (2568). ปัญหาพุ่ง ! ท่องเที่ยวร้อง ลด ‘วีซ่าฟรี’ เหลือ 30 วัน. สืบค้นจาก https://www.prachachat.net/tourism/news-1771210

ผู้จัดการรายสัปดาห์. (2566). “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” รีเทิร์น? “จีนเทา” ส่งนอมินีเช่าวัดไทย ขายพระปลอม “มังกรสายมู” สืบค้นจาก  https://mgronline.com/daily/detail/9660000072526

พรไพลิน จุลพันธ์. (2568). เอกชนจี้รัฐลดวันพัก ‘ฟรีวีซ่า’ ไม่เกิน 30 วัน กรองนักท่องเที่ยวแท้จริง. สืบค้นจาก  https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1168408

พิราภรณ์ วิทูรัตน์. (2566). เปิดปูมธุรกิจ ‘รัสเซียน โอนลี่’ เมื่อรัสเซียยึดงานคนไทยในคราบ ‘นักท่องเที่ยวภูเก็ต’  สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1095314

ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ และอำไพ บูรณกิตติภิญโญ. (2560. )การศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, 6(1), 171-183.

BBC News ไทย. (2565). เปิดหมู่บ้านหรูและคอนโดมีเนียม 100 ล้านบาทของทุนจีนสีเทาในเครือข่าย “ตู้ห่าว”  สืบค้นจาก   https://www.bbc.com/thai/articles/ck54y9n19djo

Money Buffalo. (2565). ทำไม นายทุนจีน ชอบย้ายมาอยู่ไทย คนไทยได้ประโยชน์อะไร. สืบค้นจาก  https://www.moneybuffalo.in.th/economy/why-do-chinese-investors-like-to-move-to-thailand-what-are-the-benefits-for-thai-people

Money Buffalo. (2566). สรุป ธุรกิจทุนจีนสีเทา มีอะไรบ้าง กระทบคนไทยยังไง ? สืบค้นจาก  https://www.moneybuffalo.in.th/business/what-are-the-gray-chinese-capital-businesses

Phuket Time. (2568). แย่งอาชีพคนไทย ภูเก็ต บุกค้นรังนอมินี ความเสียหายพันล้าน. สืบค้นจาก  https://www.facebook.com/photo/?fbid=969147712002738&set=a.589620983288748&locale=th_TH

Reporter Journey. (2567). ทัวร์ทุบตลาด" ทุนจีนร่างใหม่ร้ายกว่าทัวร์ 0 เหรียญ. สืบค้นจาก  https://www.facebook.com/photo/?fbid=1025118692304279&set=a.226668178816005

The Matter. (2566). ชวนดูธุรกิจรัสเซียในภูเก็ต เมื่อคนรัสเซียมาเที่ยวไทยมากขึ้น แต่เงินอาจไม่เข้าไทยทั้งหมด.  สืบค้นจาก  https://thematter.co/brief/212408/212408

The Nation. (2025). Thailand's Tourist Fortunes Rise as Long-Haul Visitors Flock In. Retrieved  from  https://www.nationthailand.com/business/economy/40049259

The Standard. (2567). ทัวร์จีนศูนย์เหรียญแบบใหม่ ใช้นอมินีเปิดบริษัท จ้างไกด์ไทยไปนั่งเฉยๆ ใช้ไกด์จีนนำเที่ยวแทน. สืบค้นจาก https://thestandard.co/new-zero-dollar-tours/

Theobald, W. F. (1998). Global tourism. London: Elsevier.

TourismThailand. (2567). ประกาศแล้ว รายชื่อ 93 ประเทศ ฟรีวีซ่า เที่ยวไทยได้ 60 วัน สืบค้นจาก  https://thai.tourismthailand.org/Articles/visa-free-entry-to-thailand


ภาษาอังกฤษ

Burns, P. (1999). An introduction to tourism and anthropology. New York, NY: Routledge.

Fox, K. (2019). The race to stop the death of Venice. Retrieved from  https://www.cnn.com/travel/article/venice-tourism-overcrowding-intl/index.html

Glup, M. (2021). Tourism’s Impacts on Local Populations. Nebraska Anthropologist, 29, 51-66.

Goodwin, H. (2017). The Challenge of Overtourism. Electronic document. Retrieved from  https://haroldgoodwin.info/wp-content/uploads/2020/08/rtpwp4overtourism01201

Mowforth, M. & Munt, I. (2003). Tourism and sustainability: new tourism in the Third World. London: Routledge

Root, D. (1996). Cannibal Culture: art, appropriation, and the commodification of difference. Boulder, CO: Westview Press Inc.

Smith, V. (Ed.). (1989). Hosts and Guests: The Anthropology of Tourism. University of Pennsylvania Press.

Stronza, A. (2001). Anthropology of Tourism: Forging New Ground for Ecotourism and Other Alternatives. Annual Review of Anthropology, 30(1), 261–283.

Thanaporn Kariyapol. (2019). The Operation of “Zero-Dollar Tours” after Their Rising Popularity in Thailand-A Case Study of Phuket, A Province Located in Southern Thailand. Sripatum Review of Humanities and Social Science, 19(1), 19-31.


ผู้เขียน
ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ
ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและส่งเสริมวิชาการ
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)


 

ป้ายกำกับ การท่องเที่ยว ประเทศไทย การทำลาย ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Share
Facebook Messenger Icon คลิกที่นี่เพื่อสนทนา