เชิญชมนิทรรศการ “สักลาย: ศิลปะแห่งศรัทธาบนเรือนร่าง” tattoos: a sacred art engraved in bodies

 |  ข่าวประชาสัมพันธ์
ผู้เข้าชม : 2121

เชิญชมนิทรรศการ “สักลาย: ศิลปะแห่งศรัทธาบนเรือนร่าง” tattoos: a sacred art engraved in bodies

ศมส. จับมือ EFEO จัดนิทรรศการ “สักลาย: ศิลปะแห่งศรัทธาบนเรือนร่าง”


           ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) ร่วมกับสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ (EFEO) เปิด

ให้ชมนิทรรศการ “สักลาย: ศิลปะแห่งศรัทธาบนเรือนร่าง ระหว่างวันที่ 7 กันยายน – 30 ธันวาคม 2565 ณ ชั้น 2 ศูนย์มานุษยวิทยาสินธร ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. วันเสาร์ เวลา 09.00-16.00 น.

           การสักลวดลายลงบนเรือนร่าง เป็นความสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานชัดเจนมาตั้งแต่เมื่อ 5,300 ปีมาแล้วเป็นอย่างน้อย หลังจากนั้นก็พบหลักฐานการสักบนร่างกายที่แพร่หลายในทุกภูมิภาคของโลก ทั้งในโลกเก่าและโลกใหม่ รวมถึงตามหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก

           เช่นเดียวกับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการสักที่สามารถย้อนไปถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้อย่างชัดเจนนัก แต่ก็มีหลักฐานบางอย่างที่สามารถเชื่อมโยงถึงการสักได้ เช่น ลวดลายบนร่างกายคนที่ปรากฏในศิลปะถ้ำ หรือเข็มที่ทำจากโลหะและกระดูก เป็นต้น ส่วนหลักฐานเอกสารที่กล่าวถึงการสักของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น บันทึกของนักเดินทางชาวจีน ม้าตวนหลิน ในพุทธศตวรรษที่ 18 กล่าวถึงการสักของประชากรที่อยู่รอบจักรวรรดิจีน ซึ่งรวมถึงดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเอกสารในสมัยราชวงศ์ชิงของจีน ที่กล่าวถึงการสักหน้าและสักขาของชนป่าเถื่อนทางทิศใต้ รวมถึงมาร์โค โปโล ชาวอิตาลี ที่เดินทางมายังเอเชียในพุทธศตวรรษที่ 19 ได้บันทึกว่า วิถีปฏิบัติเด่นของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือการหุ้มฟันด้วยทองคำ และการสักที่ส่วนขาและแขนเป็นแถบสีดำ ซึ่งหากเป็นบุรุษแล้ว การสักในลักษณะนี้ เป็นไปเพื่อความสง่างามและแสดงถึงสถานะทางสังคม

           การสักอาจเกิดขึ้นและดำรงอยู่ด้วยหลากหลายเหตุผล ตามแต่เป้าประสงค์ของคนแต่ละคน แต่ละครอบครัว แต่ละชุมชน หรือแต่ละสังคม การสักและรอยสักอาจมีบทบาทหน้าที่ทั้งด้านความเชื่อ ประเพณีพิธีกรรม เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือมีหน้าที่ในเชิงศิลปะสุนทรียภาพ บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก จิตวิญญาณ เป็นอนุสรณ์หรือเพื่อบันทึกเรื่องราวในชีวิต เป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของ เพื่อระบุหรือแสดงตัวตนของตนต่อตนเองหรือต่อสังคม หรือเพื่อบ่งบอกสถานะของตนเอง เป็นเครื่องสำอาง หรือเพื่อสุขภาพและการรักษาโรค

           ดังนั้น การสักและรอยสักจึงนับเป็นหนึ่งในร่องรอยหลักฐานที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ สภาพสังคม มรดกทางภูมิปัญญาที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงเป็นสิ่งสะท้อนความเป็นตัวตนและความงามทางศิลปะ ทั้งในระดับสังคมและระดับปัจเจก ในแต่ละพื้นที่ แต่ละช่วงเวลา และโดยเฉพาะเมื่อเวลาได้เคลื่อนผ่านมาสู่ยุคปัจจุบัน ความนิยมการสักด้วยเหตุผลของศิลปะความงามบนเรือนร่างได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ดี ยังมีคนบางกลุ่มที่มีทัศนคติเชิงลบกับการสักและผู้ที่มีรอยสักแบบเหมารวม ว่าเป็นบุคคลที่เคยกระทำความผิด เป็นบุคคลอันตราย ไม่ควรเข้าใกล้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการให้คุณค่ามนุษย์แค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

           ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพาทิศ (École française d'Extrême-Orient (EFEO)) เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและคลังข้อมูลชุมชน จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการสักและวัฒนธรรมการสักที่ปรากฏอยู่ในสังคมในพื้นที่ดินแดนประเทศไทยและกัมพูชาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความหลากหลายของบุคคลในระดับปัจเจก รวมถึงจะสร้างบทสนทนาโต้ตอบกับผู้เข้าร่วมงาน ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการและการเสวนาวิชาการในพื้นที่เรียนรู้ของ ศมส.

           การจัดแสดงนิทรรศการจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7 กันยายน – 30 ธันวาคม 2565 โดยนิทรรศการแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ (1) ชุดนิทรรศการภาพสักยันต์เนื่องในพิธีกรรมทางพุทธศาสนาของพระและเกจิอาจารย์จากประเทศกัมพูชาและประเทศไทยที่บันทึกไว้โดย โอลิวิเย่ร์ เดอ แบร์นง (Olivier de Bernon) และฟรองซัวส์ ลาจิราร์ด (François Lagirard) นักวิชาการของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพาทิศ (École française d'Extrême-Orient (EFEO)) และ (2) ชุดนิทรรศการภาพถ่ายของกลุ่ม “คนป่าบ้าขาลาย” กลุ่มคนที่ศึกษา สืบค้น อนุรักษ์ สืบทอด และเผยแพร่วัฒนธรรมการสักขาลายโบราณล้านนา ผู้ถ่ายบันทึกประเพณีการสักขาลาย หรือการสักลายในบริเวณต้นขาและลำตัวช่วงล่างเพื่อการปกป้องคุ้มครองภัย โดยประเพณีดังกล่าวยังเป็นที่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ โดยอาจารย์สักตามหมู่บ้านชนบทชายแดนทางเหนือของประเทศไทยบางแห่ง ลายสักกลุ่มนี้มีแม่ลายมาจากฐานความเชื่อและสุนทรียศาสตร์ของท้องถิ่น ไม่ได้มีที่มาจากแบบแผนหรือแนวคิดทางพระพุทธศาสนารวมอยู่ด้วย

           ลายสักดั้งเดิมของกัมพูชาและไทยสร้างความประทับใจด้วยความงามอันศักดิ์สิทธิ์แห่งลวดลายที่แผ่ขยายบนเรือนร่าง เบื้องหลังของสุนทรียศาสตร์อันรุ่มรวยและน่าหลงใหลนี้ไม่ได้เกิดจากจินตนาการอันเลื่อนลอย แต่เป็นไปภายใต้กฎเกณฑ์ว่าด้วยการจัดวางองค์ประกอบอันเคร่งครัดของ ยันตรา อันมีความหมายถึงแผนภาพสัญลักษณ์ในเชิงเรขาคณิตที่ปรากฏในรูปลักษณ์เหมือนตารางหรือเส้นสายที่เกี่ยวกระหวัดเข้าเป็นกรอบโครงให้กับการจดจาร กับ มนตรา หรืออักขระ-คาถาที่ให้ฤทธิ์ปกป้องภยันตรายต่าง ๆ

           ในยุคสมัยที่การสักได้กลายมาเป็นแฟชั่นตกแต่งอันเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่อย่างแพร่หลาย เป็นโอกาสอันดีที่เราจะหันกลับมารำลึกและทบทวนมิติอันเป็นรากฐานของการสักของภูมิภาคแห่งนี้ ความศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดและพัฒนาขึ้นมาจากหลักธรรมและพิธีกรรมในคัมภีร์พุทธศาสนา หรือที่ผูกโยงอยู่กับความเชื่อที่ยึดถือกันในหมู่ชนท้องถิ่น ซึ่งยังคงสานสัมพันธ์ทางสังคมผ่านพิธีกรรมเช่นการไหว้ครูที่เชื่อมร้อยครูกับศิษย์ผู้ขอรับลายสักกับครูที่ตนศรัทธาหรือที่ตนต้องการจะฝากตัวเพื่อให้ได้รับการปกป้องคุ้มครอง

 

Share