หมากเกมนี้

 |  ศิลปะ ผัสสะ และสุนทรียภาพ
ผู้เข้าชม : 1108

หมากเกมนี้

           เรื่องของฉันเริ่มต้นที่เขา เขาตะนาวศรียาวเหยียดอยู่ด้านหลังของฉัน พระอาทิตย์ดวงกลมสีส้มมหึมาเบื้องหน้าฉันนี่กำลังรีบร้อนร่วงลาลับฟ้าในอีกชั่วพริบตา เมื่อส่วนโค้งของขอบวงกลมเสี้ยวสุดท้ายสัมผัสกับแนวนอนเส้นขอบฟ้าแล้วจ่อมจมดิ่งหายจ้อยไปหลังเขาเหมือนเช่นเดิมทุกวัน วินาทีนั้นฉันหมุนตัวขวับกลับหลังหันและพร้อมแล้วสำหรับการออกเดินทางมุ่งหน้าไปในทิศตะวันออกเพื่อแสวงแสงสว่างของชีวิตใหม่ในวันพรุ่งนี้ มันเป็นการเดินทางที่ฉันไม่อยากจดจำมาเล่าให้ใครฟัง เพราะคงไม่มีใครเชื่อ

           ในเย็นย่ำค่ำคืนเดือนหงายวันนี้นั้น มีฉัน เมียฉันและลูกชายวัยสิบสองขวบเดินทางด้วยกัน เป้าหมายของฉันคือบ้านนิคมสร้างตนเองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ราชอาณาจักรไทย นายหน้าด่านรับเงินจากฉันไปสองล้านสี่แสนจ๊าด ตกคนละแปดแสนจ๊าด ไม่มีลดราคาสำหรับเด็ก เงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาจากการนำที่บ้านไปจำนองไว้ เมื่อไปถึงที่หมายสุดปลายทางแล้วจะมีคนไทยมารอรับ นายหน้าด่านอธิบายเพียงสั้น ๆ ฉันจะได้ทำงานเป็นคนกรีดยางในสวนยางพารา รับประกันยี่สิบห้าเอเคอร์เป็นอย่างน้อย เจ้าของสวนจะแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฉันคนละครึ่ง ซึ่งไม่น้อย เพียงพอเป็นแรงพลังผลักดันให้ฉันตั้งปณิธานสูงเต็มเปี่ยมว่าจะต้องตั้งใจทำงาน ต้องขยัน ต้องประหยัดและอดทน จะทำให้ดีที่สุดเพื่อตนเองเพื่ออนาคตของลูกและเมีย ช่วงเวลาห้าปีไม่เกินสิบปีจากวันนี้คงจะสะสมออมเงินบาทและส่งกลับไปให้พ่อและแม่ที่บ้านเย่ได้มากพอที่จะไถ่ถอนที่ดินคืนมา ปรับปรุงหรือสร้างบ้านหลังใหม่ สร้างกุฏิถวายวัดและซื้อที่ดินปลูกยางพาราสักห้าสิบเอเคอร์ ฉันต้องทำได้เหมือนลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ที่ทำสำเร็จให้เห็นแล้ว

           เมืองเย่บ้านฉันสวยที่สุดในโลก เต็มไปด้วยความเงียบสงบของธรรมชาติ ทุ่งสีเขียวขจีในหน้าฝนและทุ่งสีทองในหน้าเก็บเกี่ยวข้าวมองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา หมอกลอยอ้อยอิ่งบนยอดเขาในหน้าหนาวดูราวสวรรค์อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ ชายหาดที่ทอดยาวขนานไปกับอ่าวเมาะตะมะก็อยู่ไม่ห่าง วิถีชีวิตอันเรียบง่ายพอเพียงของพี่น้องชาวมอญช่างงดงาม ฉันไม่เคยนึกฝันเลยว่าในวันนี้ฉันจะต้องละทิ้งสถานบ้านเกิดพาตัวเองและครอบครัวไปลำบากลำบนอยู่หนแห่งอื่น ตามหลักภูมิศาสตร์ เย่เป็นเมืองภาคใต้ของพม่าในเขตภูมิภาคตะนินตายีหรือตะนาวศรีที่คนไทยเรียก ผู้รู้นักวิชาการเดาว่าตะนินตายีนั้นเพี้ยนมาจากคำว่าตานะฮ์เซอรีซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า "แผ่นดินที่ปลูกพลู" ตามภาษามลายูสำเนียงไทรบุรี เย่เป็นเมืองรัฐมอญ เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนภาษามอญในจังหวัดมะละแหม่งมาแต่ไหนแต่ไร มีแม่น้ำเย่สายใหญ่ไหลเชี่ยวเฉี่ยวเมืองลงสู่อ่าวเมาะตะมะทะเลอันดามัน แถวบ้านฉันเขาปลูกหมากปลูกพลูปลูกยางพาราและทำประมง บ้างทำกิจการค้าขายจนร่ำรวย ส่วนฉันไม่มีที่ทางมากอย่างคนอื่นเขา มีเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ บนที่ดินสองเอเคอร์เท่านั้นพอให้เมียได้ปลูกผักพื้นบ้านต่าง ๆ ส่งขายตลาดได้ทุกเช้าเย็น ฉันเองรับจ้างกรีดยางให้เศรษฐีบ้านหนึ่งที่เขามีสวนยางพารากว้างใหญ่เทียบเท่าทุ่งนามองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เอาตัวรอดมีรายได้เป็นรายวันแบบไม่ประจำ พอถึงช่วงพักต้นยางหลายเดือนในฤดูร้อน ไม่มีใครจ้างกรีดยาง ต้องดิ้นรนหางานรับจ้างทั่วไปในเมืองทำหรือแม้กระทั่งออกไปกับเรือหาปลาเป็นอาทิตย์ก็ต้องยอมห่างจากครอบครัว แม้จะขยันทำงานหนักเท่าไรก็ตามมันทำได้มากที่สุดเท่านี้จริง ๆ สำหรับชีวิตที่เกิดมาชาตินี้ในประเทศพม่า จะให้ฉันไปค้าขาย ฉันก็ไม่ถนัดเลยเพราะคนจะค้าขายเป็นได้ต้องมีความรู้ เรื่องบวกลบฉันพอได้แต่คูณกับหารฉันไม่ได้เลย และที่สำคัญต้องมีทุนตั้งต้นด้วย ถ้าจะเลือกเดินสายนี้ ฉันทำไม่ได้แน่นอน ฉันกับเมียที่เติบโตเห็นกันมาแต่เด็ก เราถนัดออกแรงเสียเหงื่อเพื่อให้ได้เงิน มันง่ายตรงไปตรงมากว่างานประเภทอื่นที่เราทำไม่เป็น ลูกชายฉันเขาเรียนดีพอใช้ได้อยู่นะ ตอนนี้เขาสิบสองขวบโตพอที่จะช่วยออกแรงทำมาหากินแล้วฉันจึงตัดสินใจพาเขาเดินทางมาด้วย ดีกว่าให้อยู่กับพ่อแม่ของฉันที่เย่ต่อไปโดยไม่เป็นประโยชน์ ถ้าเขาอยากเรียนต่อค่อยเข้าโรงเรียนไทยเรียนภาษาไทย นายหน้าด่านเขาบอกว่าเด็กทุกคนสามารถเข้าโรงเรียนไทยได้ฟรี และที่นั่นมีเด็กมอญเรียนอยู่ในโรงเรียนเยอะพอ ๆ กับเด็กไทย ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่ได้ ดีเหมือนกัน ฉันวาดภาพอนาคตของลูกชาย ถ้าได้ภาษาไทยแล้วเขาอาจจะมีลู่ทางหางานทำแถวด่านชายแดน จะค้าขายอะไรในอนาคตอาจเป็นความฝันที่เป็นจริงได้ หรือจะเป็นนายพรานระหว่างประเทศก็ไม่เลว ดูรายได้ดีอยู่เหมือนกัน

           นายพรานผู้นำทางระหว่างประเทศสำหรับค่ำคืนพิเศษนี้ไม่ใช่คนเย่แต่มาจากพะย่าโต้นซู เขาน่าจะแก่กว่าฉันสักห้าปีแต่ไม่เกินสิบปี ฟันดำเหมือนฉัน ผิวเข้มคล้ำไว้หนวดเคราน่าเกรงขาม เขาพกมีดขนาดพอดีมือเหน็บไว้ข้างเอวและที่ดูตุง ๆ นั่นอาจเป็นปืนสั้นในย่ามกะเหรี่ยงสายยาวสีขาวที่เขาสะพายพาดลำตัวตลอดเวลา ฉันไม่แน่ใจนักว่าเขาพกปืนหรือไม่ ที่แน่ ๆ เขาพูดน้อยเกือบใบ้ แต่พูดได้หลายภาษาทั้งพม่า มอญ กะเหรี่ยง อังกฤษรวมถึงไทยด้วย นายพรานผู้นี้มีหูซ้ายเพียงข้างเดียว นี่คือสรรพคุณของนายพรานผู้นำทางตามที่นายหน้าด่านโฆษณาไว้ ก่อนออกเดินทางด้วยเท้าเข้าป่า นายพรานแนะนำให้ฉันตัดใจทิ้งสัมภาระหลายอย่างที่เอาติดตัวมา หากไม่ทิ้งสัมภาระพะรุงพะรังออกไปบ้างมันจะกลายเป็นภาระต่อการเดินทางในป่า ฉันเชื่อเขาและทิ้งเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันลังเลกับหมากหากต้องทิ้งทั้งหมดฉันคงเสียดาย ฉันตั้งใจเด็ดใบพลูมากำหนึ่งสักยี่สิบใบ หมากแห้งสิบแก่น ยาเส้นหนึ่งห่อ ผงหอมหนึ่งกระปุก ปูนแดงและปูนขาวอย่างละถุงเล็ก ทั้งหมดนี้ฉันเอามาด้วย ไปถึงไทยแล้วอาจจะหาซื้อใบพลูยากหมากอาจแพง ฉันจึงต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อไม่ให้อดหมากปากแห้งเมื่อถึงไทย ว่าแล้วฉันจึงตระเตรียมคำหมากจากวัตถุดิบที่มีอยู่ได้คำหมากยี่สิบคำพอดี ฉันสอดเรียงคำหมากไว้อย่างดีในถุงพลาสติกใส เศษวัตถุดิบที่เหลือทั้งหมดฉันตัดใจทิ้งไปพร้อมกับของใช้อื่น ๆ และเหลือไว้เพียงเสื้อผ้าหนึ่งชุด บัตรประจำตัวและเงินไทยที่แลกติดตัวมานิดหน่อย ฉันมัดใส่ย่ามน้อยห้อยคล้องคอไว้กับคำหมากในถุงพลาสติกใส ลูกและเมียฉันก็มีเสื้อผ้าเหลือกันเพียงคนละชุดเช่นกัน เอาไว้แล้วค่อยหาซื้อใหม่เมื่อไปถึงปลายทาง นายพรานบอกว่าทุกอย่างที่ฉันต้องการหาซื้อใหม่ได้ในประเทศไทย

           สิบแปดนาฬิกาตรงตามเวลาท้องถิ่น นายพรานเริ่มก้าวเท้าสับฉับ ๆ กระฉับกระเฉงลัดเลาะเลื้อยเลี้ยวอย่างช่ำชองไปตามช่องเขาตะนาวศรีด้วยความรวดเร็วราวกับว่าเขากำลังพยายามทำลายสถิติเวลาของตัวเอง ฉันมีหน้าที่เดินตามให้ทันเขา คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายในฤดูร้อนอันอบอ้าว ลมสงบเงียบเชียบ ต้นไม้ใบหญ้าไม่ไหวติงแน่นิ่งยังกับถูกพลังลึกลับของป่าหยุดเวลาเอาไว้ทำให้ภาพค้าง เป็นวันที่แปลกประหลาดมากวันหนึ่ง เสียงนะหรือเหมือนจะค้างตามภาพไปด้วย ไร้เสียงนกเสียงกา ไร้เสียงแมลงต่าง ๆ ไร้เสียงสัตว์อื่น ๆ ในป่าแห่งนี้ ชวนสงสัยเหลือเกินว่าพวกมันขี้เกียจและยังคงหลับไหลไม่ออกหากินหรือสิ้นสูญพันธุ์ไปหมดแล้วหรืออย่างไร เสียงดังเดียวที่ได้ยินชัดถนัดรูหูคือเสียงถูไถของใบไม้แห้งกรอบตามพื้นทางดินกระทบรองเท้าของเราสี่คน ระดับความมืดค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อยแต่ไม่ก่อปัญหาอย่างใด แสงจันทร์เต็มดวงคืนนี้ช่างเป็นใจ ทางเดินราบเรียบเรียบร้อยดีในครึ่งชั่วโมงแรกก่อนขยับเข้าสู่ความท้าทายเมื่อถึงเขตป่าที่เต็มไปด้วยดงไผ่ล้วน ๆ ไผ่หน้าร้อนทิ้งใบทั้งหมดร่วงเหลือไว้แต่กิ่งหนามกางเก้งก้างพร้อมเกี่ยวกางเกง เสื้อหัวหูและทุกส่วนของร่างกาย ต้องหยุดเสียเวลาง้างแงะแกะกิ่งที่เกี่ยวกันพัลวันแม้จะระมัดระวังแล้วก็ตาม จังหวะหนึ่งฉันต้องร้องเรียกบอกนายพรานให้หยุดรอเพราะตอหนามไผ่ตำทะลวงพื้นรองเท้าทะลุถุงเท้าเข้าทิ่มแทงถึงฝ่าเท้าจนเจ็บจี๊ดแทบทนไม่ไหวแต่ต้องทนไว้ให้ได้ อีกจังหวะหนึ่งจู่ ๆ นายพรานหยุดเดินยืนนิ่งเป็นหิน เขายกมือขวาขึ้นค้างไว้ข้อศอกตั้งฉาก แล้วหันมายกนิ้วชี้มือซ้ายจุปากแบบไร้เสียงบอกเป็นสัญญาณสื่อสารให้รู้ว่ามีอะไรบางอย่างซึ่งอาจเป็นอันตรายขวางทางอยู่เบื้องหน้า เสือลายพาดกลอนตัวโตขนาดย่อมเดินย่องเยื้องย่างห่างออกไปไม่ไกลมาก ในปากคาบลูกหมูป่าถึงสองตัว ฉันดึงมือเมียและลูกหมอบราบนาบลงกับพื้นดิน ล้วงคอเสื้อกำสร้อยลูกประคำใบตาลลงคาถาร้อยแปดของหลวงพ่อไว้แน่น ขอให้เสือจมูกเสียตาบอดและหูหนวก ให้แคล้วคลาดรอดพ้นปลอดภัยจากเสือร้ายตัวนี้ด้วยเถิด นายพรานล้วงปืนลูกโม่ออกจากย่าม สอดกำปืนเข้าอุ้งมือ ขึ้นนกเล็งไปข้างหน้าพร้อมลั่นไกหากจำเป็น เขามีปืนจริง ๆ ด้วยอย่างที่ฉันคิด ทุกคนไม่กระดุกกระดิก หัวใจฉันเต้นแรง ฉันหายใจเข้าลึกและปล่อยลมหายใจออกปากอย่างเบาบางที่สุดต่อเนื่องอยู่อย่างนั้นหลายนาที ท้ายที่สุดทุกคนปลอดภัย ลูกประคำของหลวงพ่อช่วยฉันไว้ในคราวนี้ เสือลายพาดกลอนคาบลูกหมูป่าสองตัวเดินทอดน่องสบายใจเฉิบหายเข้าป่าไปอีกทางหนึ่งอย่างเชื่องช้า หลังเหตุการณ์ตื่นเต้นจบลง ฉันได้รู้ว่านายพรานเสียหูข้างขวาให้เสือโคร่งตัวคล้ายกันนี้เมื่อหลายปีก่อน เขาไม่เล่ารายละเอียดอื่นใดอีกได้แต่บอกว่าเขารอดมาได้ในครั้งนั้นเพราะสร้อยลูกประคำใบตาลลงคาถาร้อยแปดของหลวงพ่อวัดเดียวกันกับฉัน สรุปว่าพวกเรารอดตายมาได้ไม่ถูกเสือทำร้ายเพราะสร้อยลูกประคำจริง ๆ ด้วย

           แม้ปราศจากรัศมีแดดส่องแสงจ้าส่งรังสีคลื่นความร้อนรบกวนผู้เดินทางยามค่ำคืน แต่ต่อมตุ่มเหงื่อของฉันทำงานตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน เสื้อเปียกทั้งตัวแล้วตอนนี้ แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องให้เห็นความหมายเชิงลบบนใบหน้าเจื่อนของลูกและเมีย ฉันยกกำปั้นสองมือและพยักหน้าสองครั้ง ดึงแขนบ้างดันหลังบ้าง กระตุ้นให้ทั้งคู่ลบล้างความไม่สบายใจแล้วรวบรวมแรงพลังฮึดกัดฟันเดินตามนายพรานต่อไป เพื่อเป้าหมายเดียวกันที่ฉันพร่ำพูดโน้มน้าวทั้งสองตลอดช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา จากป่าดงพงไผ่ทั้งหมดชนิดเดียว ตลอดทางเดินเริ่มมีกล้วยป่าสูงชะลูดให้เห็นเป็นกลุ่ม ๆ บ้างแล้ว ทางเดินเริ่มราบเรียบอีกครั้งในชั่วโมงสุดท้ายของการเดิน นายพรานยังคงจ้ำอ้าวไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อยต่อไป สำเนียงดังฟังชัดแบบกระชับของเขาบอกฉันว่า จวนเจียนจะถึงที่หมายปลายทางแล้ว หลังจากถลกขากางเกงลุยข้ามห้วยครึ่งขาครึ่งแข้งและเดินต่อไปอีกสักประเดี๋ยวเดียวจนแข้งขาแห้ง ในที่สุดก็ได้เวลาหยุดเดิน คนไทยที่คอยพวกเราอยู่ในคืนเดือนหงายวันหนึ่งของฤดูร้อนชี้สั่งให้ฉันเข้าไปหลบรอในโรงจอดรถ ฉันเห็นเขายื่นซองจดหมายพับครึ่งใส่มือนายพราน ตบไหล่เบา ๆ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดอะไรกัน หมดหน้าที่ของนายพราน เขาได้นำทางมาส่งฉันในฝั่งประเทศไทยสำเร็จแล้ว เขาหันหลังกลับเข้าป่าไปในทิศที่เขาเดินออกมาอย่างฉับพลันทันที ทางใครทางมัน ฉันไม่ทันได้ถามชื่อ ไม่ทันได้กล่าวขอบคุณเขา และเขาเองไม่มีคำกล่าวทิ้งท้ายอวยพรให้กำลังใจใดใดสำหรับฉากชีวิตต่อไปที่ฉันต้องประเชิญ

           ตอนที่ฉันมาถึงโรงรถแห่งนี้มีคนอื่นมารออยู่ก่อนฉันแล้วสองคน ฉันเข้าใจดีว่าคงต้องรอก่อน เพราะดูทรงแล้วรถกระบะตอนครึ่งสองประตูโหลดเตี้ยสีดำสนิทปิดมิดชิดด้วยฟิล์มกรองแสงคันที่จอดอยู่นี้ ถ้าเป็นรถโดยสารสำหรับคืนนี้จริง น่าจะพาคนนั่งหน้ารถไปได้เพิ่มอีกสองสามคน ระหว่างรอเวลา ฉันและครอบครัวหาที่เหมาะ ๆ นั่งลงพัก แผ่นหลังพิงล้อหลังรถฝั่งตรงข้ามคนขับ ฉันแหงนขึ้นมองท้องฟ้าตรงหน้าแล้วกวาดสายตาไปด้านซ้าย ฉันเห็นงอบแขวนอยู่ที่เสาไม้ จิ้งจกตัวหนึ่งเกาะอยู่หลังงอบใบนั้น ฉันเห็นหางมันโผล่ออกมา มันร้องทักทายฉันด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันล้วงมือเข้าไปในย่ามน้อยที่คล้องคอและหยิบขึ้นมาได้คำหมากสี่คำที่ต้องการ ฉันส่งให้เมียของฉันหนึ่งคำ และให้เพื่อนร่วมเดินทางอีกสองคนคนละคำ ฉันไม่ได้ให้คนไทยเพราะฟันเขาขาว ความเหนื่อยจากการเดินเท้าสามชั่วโมงหายไปหมดสิ้นแล้วหลังน้ำหมากกระจายสัมผัสผิวผนังภายในช่องปากอย่างทั่วถึง ฉันรู้สึกหายเหนื่อย ความแข็งแกร่งกลับมาพร้อมสู้งานหนัก หมดความรู้สึกเมื่อยล้าเมื่อคำหมากคลุกเคล้าอยู่ในปากอย่างออกรสชาติ ตอนเป็นวัยรุ่นฉันคิดว่าผู้ชายดูดีหล่อเหลาเอาการขึ้นมากเมื่อเคี้ยวหมาก ยิ่งผู้ชายที่ฟันดำริมฝีปากแดงเปื้อนหมากพลูด้วยแล้วยิ่งมีเสน่ห์ เวลาฉันเห็นคนยืนคุยกันแล้วบ้วนกระจายน้ำหมากสีแดงพุ่งออกมาจากปาก มันช่างเป็นภาพที่สะดุดลูกตา โฉบเฉี่ยว เป็นภาพลักษณ์ที่แสนกล้าหาญสมเป็นชายชาตรีชาวพม่า แม้อายุตอนนี้เลยวัยรุ่นมานานแล้ว แต่ฉันก็ยังรู้สึกอยู่อย่างเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

           ฉันคายหมากทิ้งเมื่อเพื่อนร่วมเดินทางหรือร่วมชะตากรรมครั้งนี้เดินทางออกจากป่ามาทีละคนสองคนจบครบแล้ว ดูเหมือนจะเกินไปมากในความรู้สึกฉัน นับรวมทุกคนและคนขับรถซึ่งเป็นคนไทยด้วยแล้วได้ยี่สิบชีวิตพอดี ฉันนับไม่ผิดฉันนับได้ยี่สิบ ลูกชายและเมียของฉันนั่ง ไม่ใช่สิ อัดซ้อนกันอีท่าไหนไม่รู้บนที่นั่งแถวสองหลังคนขับ ด้านหน้ารถมีคนแบ่งพื้นที่กันหายใจอยู่สิบเอ็ดชีวิตรวมคนขับด้วย นั่นหมายความว่า ฉันและใครไม่รู้อีกเก้าคนอยู่ท้ายรถกระบะคันดังกล่าว รถกระบะคันนี้ดูจากภายนอกเหมือนรถกระบะทั่วไป ไม่มีลูกกรงท้าย มีผ้าใบสีดำอย่างหนาปานกลางคลุมไว้ในระดับปกติ แต่หารู้ไม่ท้ายรถกระบะดัดแปลงคันนี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมมาเป็นอย่างดี ท้ายกระบะกว้างหนึ่งพันห้าร้อยเจ็ดสิบมิลลิเมตร ยาวสองพันสามร้อยห้ามิลลิเมตร และลึกสี่ร้อยสี่สิบมิลลิเมตร ฉันให้ข้อมูลเชิงเทคนิคไว้เผื่อใครอยากจะคำนวณเล่นว่าคนเก้าคนมีอากาศหายใจคนละกี่มากน้อย ช่างประดิษฐ์ไทยออกแบบให้ท้ายกระบะเป็นเตียงคนนอนได้สามชั้น ชั้นบนสุดนอนสี่คนสลับหัวกับเท้า สามคนชั้นกลางนอนบนพื้นกระบะสลับเท้ากับหัว โดยมีเสาและคานโลหะรองรับไม้อัดเบาบางเจาะรูหนึ่งนิ้วเป็นส่วนกั้นระหว่างคนชั้นสามกับชั้นสอง ฉันเป็นคนชั้นกลาง นอนตรงกลางเบียดกับใครไม่รู้อีกสองคนซ้ายและขวา ก่อนจะไปย่อหน้าต่อไป ฉันเกือบลืมแนะนำผู้ร่วมเดินทางอีกสองคน เขาเป็นเด็กวัยรุ่นอายุมากกว่าลูกชายของฉัน ตัวเล็กที่สุดและเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองคนอยู่ใต้แผงกระบะซึ่งถูกออกแบบที่นอนมาเป็นพิเศษ ก่อนจะได้เข้าไปนอนในช่องลับชั้นล่างสุดต้องเปิดฝาพื้นกระบะที่เจาะไว้ขึ้นมาก่อนแล้วจึงค่อยสอดเท้าทีละข้างเข้าตำแหน่งนอนให้ลงล็อคอย่างทุลักทุเล

           รถกระบะบริการเที่ยวพิเศษออกเดินทางมาได้สักพักหนึ่งแล้วตั้งแต่ล้อหมุนตอนสามทุ่มตรงจากชายแดนใกล้ด่านเจดีย์สามองค์จังหวัดกาญจนบุรี ฉันนอนไม่ขยับตัว ใช่ เพราะฉันขยับตัวไม่ได้ ขาขวาของฉันสัมผัสหูข้างขวาของเพื่อน ขาซ้ายสัมผัสหูข้างซ้ายของเพื่อนอีกคน ส่วนหูของฉันสัมผัสตีนหอม ๆ ของเพื่อนทั้งสองคน ฉันพยายามไม่ขยับเท้าไปด้านข้างเพื่อไม่ให้รบกวนหูของเพื่อน ก่อนที่เส้นจะยึดฉันเหยียดปลายนิ้วเท้าสุด เกร็งไว้สิบวินาทีแล้วงอเท้าเข้าเกร็งค้างไว้อีกสิบวินาที สลับทำอย่างนี้ทุกห้านาทีเพื่อไม่ให้ตะคริวกิน แม้ไม่สามารถขยับส่วนลำตัว แต่แขนของฉันยังพอเคลื่อนที่ได้ ฉันกำมือ ใช้เล็บจิกเนื้อมือตรงข้ามเพื่อให้เกิดความเจ็บเล็ก ๆ ซึ่งส่งผลผ่านไปตามเส้นประสาทเตือนบอกสมองว่าฉันยังมีความรู้สึก จังหวะหนึ่งฉันวางมือสอดประสานกันและบิดเบา ๆ เสียงดังก๊อก รถกระบะเที่ยวพิเศษเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่ไม่เกินความเร็วที่กฎหมายไทยกำหนด สักร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงน่าจะได้ จะเร่งเร็วไปกว่านี้คงไม่ดีแน่เพราะอาจเป็นจุดผิดสังเกตของกล้องจับความเร็วและที่สำคัญหัวทุยของฉันไม่พร้อมจะโดนกระแทกรุนแรงแม้จะมีเสื้อห่อผ้าโสร่งรองหนุนอยู่ ฉันพยายามข่มตาหลับแต่หลับไม่ลง สมองทุกส่วนยังตื่นและตั้งคำถามว่า ฉันมานอนทำอะไรที่นี่ ณ ขณะเวลานี้ ฉันควรได้นั่งเคี้ยวกูนยาหรือคำหมากเพลิน ๆ เจริญใจอยู่ที่บ้านเย่ นึกถึงคำหมากขึ้นมาทันใดน้ำลายก็ไหลแทบท่วมปากทันทีด้วยความอยาก

           ฉันเคี้ยวหมากมาตั้งแต่เด็ก ตอนเริ่มลองครั้งแรกนั้นฉันอายุย่างเข้าสิบขวบน่าจะใช่ ฉันต้องการเข้ากลุ่มกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนซึ่งพวกเขาเคี้ยวหมากกันหมดทุกคน กลับบ้านจากโรงเรียนมาวันหนึ่งฉันจึงขอให้ยายสอนการเตรียมคำหมากและขอเคี้ยว ยายสนับสนุนฉันให้เข้าวงการเคี้ยวหมากอย่างเป็นทางการ พ่อตาแม่ยายของฉัน เมียฉันเคี้ยวหมากกันทุกคน ผู้ชายเย่ไม่มีใครเขาไม่เคี้ยวหมาก ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็เคี้ยวหมาก ข้างเรือนที่เย่ฉันปลูกต้นหมากและพลูไว้เอง ส่วน ยาเส้นและเครื่องหอมหรือเปลือกไม้ฉันต้องหาซื้อมาจากตลาด รสชาติของการเคี้ยวหมากครั้งแรกในวัยเด็กไม่ถูกใจวัยรุ่นอย่างฉันแม้แต่น้อย เคี้ยวเข้าไปได้ยังไงกัน ความอร่อยอยู่ตรงไหน ฉันนึกขันกับความคิดตอนยังเด็ก ยายสอนฉันว่าให้เลือกใบพลูที่ไม่อ่อนเกินไป ใบอ่อนรสชาติฝาด ไม่อร่อย ส่วนใบที่แก่เกินไปก็ไม่อร่อย รสชาติจะเผ็ดปร่า เมื่อเลือกใบพลูได้แล้ว ป้ายน้ำปูนที่กลางใบ จะเลือกป้ายที่ท้องใบหรือหลังใบก็แล้วแต่ความชอบและความเชื่อ วางแก่นหมากแห้งหั่นแล้วลงไปสองชิ้นน้อย ๆ เพิ่มยาเส้นขยุ้มหนึ่งกำลังดี ที่สำคัญเหยาะผงหอมของอินเดียลงไปด้วย จากนั้นพับใบพลูเป็นก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ พอดีคำแล้วเอาเข้าปากได้เลย ค่อย ๆ ใช้ฟันเหงือกและลิ้นทำหน้าที่เสมือนเครื่องผสมปูนซีเมนต์โดยมีซีเมนต์ ทราย กรวด และน้ำเป็นส่วนผสม ตอนที่น้ำลายในปากผสมคลุกเคล้าเข้ากันดีกับส่วนผสมของคำหมากทุกส่วนแล้ว รสชาติอันหอมหวานสะกดจิตใจจะปรากฏแก่ต่อมรับรสที่ลิ้น ในตอนแรกที่ยายสอนฉันเคี้ยวหมากยายใช้ปูนแดง เจ้าปูนแดงเนี่ยตอนแรกมันเป็นปูนขาวมาก่อนซึ่งทำจากหินปูนหรือเปลือกหอยอีกที คราวนี้พอใส่ขมิ้นผสมเข้าไปในปูนขาว ปฏิกิริยาทางเคมีอะไรสักอย่างทำให้ปูนขาวเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดง สำหรับฉันชอบรสชาติของปูนขาวมากกว่าปูนแดง นาน ๆ ทีที่รู้สึกเบื่อปูนขาวฉันจึงเปลี่ยนสลับมาเคี้ยวปูนแดง ในตอนแรกที่ยายสอนฉันเคี้ยวหมากยายไม่มีผงหอมของอินเดียกับยาเส้นแบบในปัจจุบัน ฉันเพิ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่าเปลือกไม้แห้งบางอย่างในคำหมากของยายเป็นพืชสมุนไพร ผงหอมอินเดียจากตลาดที่ฉันซื้อมาเหยาะผสมลงในคำหมากมีส่วนผสมของพืชสมุนไพรหลายชนิด

           ลูกชายของฉันเป็นคนค้นพบหลังจากเขาสงสัยว่าผงหอมอินเดียคืออะไร ภาษาอังกฤษที่ฝากระปุกบรรจุภัณฑ์ระบุว่าผงหอมอินเดียนั้นเป็นส่วนผสมของมะขามป้อม มะตูม ชะเอม อบเชย ยี่หร่า กานพลู และสะระแหน่ ส่วนเรื่องยาเส้นที่ไม่มีในคำหมากสมัยคุณยาย ฉันเคยเห็นผ่านรายการสารคดีดูให้รู้ในโทรทัศน์ว่าทั้งยาเส้นและเมล็ดหมากที่ฉันโปรดปรานด้วยนั้นมีสารเสพติดชนิดอ่อนพวกนิโคตินอยู่คล้ายกัน ทั้งสองส่วนผสมทำให้คนเคี้ยวหมากติดหมากงอมแงมเหมือนคนติดคาเฟอีนในกาแฟ เกิดความรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ปากว่าง ยาเส้นที่ฉันใส่ลงไปในคำหมากคือใบยาสูบตากแห้งหั่นฝอยนั่นหละ สารในยาเส้นออกฤทธิ์ต่อระบบประสาททำให้คนเคี้ยวหมากรู้สึกสุขกายและสบายใจ ตอนที่ฉันติดหมากขั้นหนักมาก วันหนึ่งต้องได้ถึงสิบสองคำ ในช่วงนั้นฉันพบปะเจอเพื่อนฝูงในวงไก่ชนมากหน้าหลายตา ทุกคราที่เจอกันก็มักต้องชวนกันคนละคำสองคำต่อวันจนกลายเป็นวันละสิบกว่าคำต่อวันโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อผู้ใหญ่บ้านเพื่อนสนิทกับลูกชายของแกสองคนต้องไปหาหมอรักษาโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหารในคราวเดียวกัน การเคี้ยวหมากของฉันจึงเพลา ๆ ลงมาได้ (บ้าง) ลูกชายของฉันเขาไม่เคี้ยวหมาก แม้ฉันจะพยายามชวนให้เขาลองเขาก็ไม่มีทีท่าจะหันมาสนใจใยดี ฉันบอกเขาว่า ผู้ชายที่น่าชวนมองต้องปากแดงด้วยรอยหมาก ใครเคี้ยวหมากคนนั้นจะได้เพื่อนสนิทมิตรสหายมาก สามารถสร้างความประทับใจให้สาว ๆ และครองใจพวกเธอได้ ถ้าได้ไปเกี้ยวพาราสีลูกสาวบ้านไหนแล้วเธอหยิบยื่นคำหมากส่งให้เคี้ยว นั่นแหละแปลว่าสาวเจ้าเขาพึงใจที่จะลองให้คบหาดูใจด้วย ขืนชายใด เคี้ยวหมากไม่เป็นก็อดได้ลูกสาวเขา ลูกชายหัวเราะและบอกฉันว่านี่มันสมัยไหนแล้วพ่อ โลกเปลี่ยนไปมากแล้ว คิด ๆ พินิจดูอาจจริงอย่างที่ลูกว่า ไม่เป็นไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจึงหยุดความคิดที่จะชวนให้ลูกชายเข้าเข้าสู่วงการน้ำหมากอย่างสิ้นเชิง หมดเวลาสำหรับการคิดอะไรเพลิน ๆ ฆ่าเวลาแล้ว ตอนนี้ฉันกลับมาสู่โลกของความจริงที่ว่า ฉันยังนอนนิ่ง ยังไม่สามารถบังคับตัวเองให้หลับได้ ยังคงเบียดเสียดเยียดยัดอยู่หลังรถที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้จอดและได้ออกไปจากโลงศพนี้เสียที

           ฉันเหมือนปลาซาร์ดีนที่ถูกอัดแน่นอยู่ในกระป๋องยังไงยังงั้น ต่างกันตรงที่ปลาซาร์ดีนตายแล้วแต่ฉันยังคงมีลมหายใจ นานกี่ชั่วโมงแล้วที่ฉันติดอยู่ในโรงศพอันแออัดนี้ ฉันไม่สามารถบอกได้ บอกได้เพียงว่า มันยาวนานมากแล้ว ในขณะนั้นเองมีของเหลวไหลผ่านช่องรูกระดานและหยดตกลงตรงใบหน้าฉันที่ปลายจมูกพอดี หยดแรกเบา ๆ ติ๋งเดียว อีกเสี้ยววินาทียังไม่ทันใช้สมองวิเคราะห์ว่าของเหลวเป็นชนิดใด มาจากไหน ฝนตกหรืออย่างไร ของเหลวนั้นได้หยดต่อเนื่องเป็นฟ้ารั่วดิ่งเข้าปากเข้าจมูกของฉันพอได้สัมผัสถึงกลิ่นและรสชาติ ความอดทนของฉันลดลงแต่ยังไม่หมด แม้จะมองไม่เห็นหรือไม่คุ้นรสชาติ แต่ฉันรู้ได้จากกลิ่นและอุณภูมิของของเหลวที่ไหลหยดลงมาและสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามสัญชาติญาณได้ทันทีว่าคนที่นอนอยู่ชั้นข้างบนคนใดคนหนึ่งในสี่คนไม่สามารถกลั้นปัสสาวะเอาไว้ได้ เขาได้ตัดความพยายามอดทนทิ้งไปและเลือกที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระโดยไม่สนใจผู้เกี่ยวข้อง ฉันไม่ได้รู้สึกโมโหหรือแค้นเคือง ฉันรู้สึกหดหู่เห็นใจและสงสารเขาอย่างสุดซึ้งที่ต้องมาทรมานตนเองในโรงศพหรือกระป๋องร่วมกันกับฉัน ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าการกลั้นปัสสาวะเอาไว้เป็นระยะเวลานานในสถานที่คับแคบและเคลื่อนไหวกระเด้งกระดอนมันทรมานร่างกายและจิตใจเพียงใด

           ฉันกลั้นใจอดทนกับกลิ่นเหม็นแรงเหมือนไข่เน่าของปัสสาวะจนเริ่มแสบจมูก ฉันดึงย่ามน้อยที่คล้องคอมาปิดรูจมูกไว้เพื่อทุเลากลิ่นเหม็นให้บางเบาลง แต่นอกจากไม่สำเร็จแล้วมันยังส่งผลให้ฉันหายใจเข้าออกได้ลำบากมากขึ้น ฉันเริ่มรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่เพิ่มทวีคูณมาทีละน้อย หัวใจของฉันสั่นเต้นจังหวะถี่และแรงขึ้น รู้สึกแน่นตรงหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้อง ท้องไส้ของฉันปั่นป่วนครวญครางและพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน เมื่อร่างกายของฉันส่งสัญญาณไม่ดีเอาเสียเลยอย่างนี้ จิตใจที่พยายามเข้มแข็งของฉันค่อย ๆ น่วมนุ่มนิ่มลงอย่างรวดเร็วตามอาการผิดปกติของร่างกาย ฉันเริ่มเครียดหวาดวิตกถึงความตาย ฉันอาจจะขาดอากาศหายใจในไม่ช้าและเสียชีวิตหมู่อย่างอเนจอนาถเหมือนโศกนาฏกรรมอิแทวอน ในหัวของฉันตอนนี้เริ่มหนักอึ้งขึ้นมา เหงื่อซึมออกมาผสมปัสสาวะที่เพิ่งหมาดเต็มหน้าและที่แขนด้วย ริมฝีปากของฉันแห้งผาก ถุงน้ำแข็งที่วางไว้ระหว่างตาตุ่มเพื่อควบคุมอุณหภูมิในที่แคบไม่ให้ร้อนไปละลายเป็นน้ำไปหมดแล้ว ท่อสายแอร์ความเย็นที่ลากต่อเชื่อมออกมาจากหน้ารถอุดตันแล้วหรือเปล่าฉันสงสัยเพราะฉันรู้สึกถึงความร้อนที่ผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นทั้งในและนอกร่างกาย ฉันเริ่มตั้งประเด็นคำถามปลายเปิดที่ไม่มีคำตอบแต่ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อใช้อากาศที่มีเหลืออยู่รอบจมูกอย่างประสิทธิภาพที่สุด นาทีนั้นฉันตัดสินใจว่าคงไม่มีใครช่วยเหลือฉันได้แล้ว ฉันจึงควบคุมตัวเองให้หายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เพราะหากเครียดหรือตื่นตระหนกมากเกินไปร่างกายของฉันจะยิ่งใช้ออกซิเจนมากขึ้นซึ่งมันไม่ค่อยมีเหลือแล้ว ในชั่วขณะหนึ่งที่ฉันคิดว่าคงเป็นนาทีสุดท้ายของชีวิต อากาศเฮือกสุดท้ายนั้นสูดเข้าสู่ปอดได้อย่างยากลำบากยิ่ง ฉันรู้สึกสะลึมสะลือเหมือนว่ากำลังจะได้หลับสงบลง แต่ความรู้สึกโกรธตัวเองและความรู้สึกผิดต่อลูกเมียอย่างมากพลันอุบัติขึ้นมาพร้อมกัน น้ำตาของฉันไหล

           ฉันสลบไสลหลับไปหรือตายแล้วก็ไม่รู้ ฉันสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงผู้หญิงดังโหวกเหวกโวยวายบนรถมอเตอร์ไซต์ที่จอดข้าง ๆ ด้านซ้ายของรถกระบะ รถกระบะคงจอดติดไฟจราจรอยู่เพราะเครื่องยนต์ยังสั่นให้ฉันรู้สึก ผู้หญิงสองคนสนทนากันด้วยภาษาเดียวกับฉัน ฉันไม่ได้กำลังฝัน ฉันจับความแตกต่างของเสียงได้ว่าผู้หญิงมีสามเสียงแปลว่าพวกเธอซ้อนสามกันมา พวกเธอเพิ่งเลิกงานจากร้านข้าวต้มกุ๊ยรอบดึก ผู้โดยสารทุกคนรวมถึงฉันปิดปากนิ่งสนิทตามคำสั่งที่ได้รับว่าให้ทำตัวเหมือนตายห้ามส่งเสียงเมื่อใดก็ตามที่รถจอด เสียงสาวคนแรกบอกเพื่อนของเธอเรื่องการส่งเงินกลับให้แม่ที่มะริด ต่อด้วยสาวคนที่สองคุยกับคนที่สามเรื่องซีรีส์เกาหลีที่ติดหนึบอยู่ขณะนี้ น่าระทึกขวัญทีเดียวเป็นเรื่องฆาตรกรโรคจิตที่สุ่มเลือกเหยื่อตามท้องถนนยามค่ำคืนแล้วจับเหยื่อผูกลากกับท้ายรถไปตามพื้นถนนจนกว่าร่างจะขาดหลุดไป ตำรวจฝ่ายสืบสวนต้องทำงานกันอย่างหนักหน่วง… ยังไม่ทันที่จะรู้ว่าเจ้าฆาตรกรโรคจิตมีจุดจบอย่างไร คนเล่าเรื่องย่อหยุดเล่าเรื่องอย่างกะทันหัน เงียบ มีเสียงซุบซิบพึมพำต่อจากนั้นแต่ฉันจับใจความไม่ได้ จากนั้นเป็นเสียง บิดรถมอเตอร์ไซต์ออกตัวด้วยความเร่งสูง คงจะเป็นไฟเขียวแล้วเพราะรถกระบะเคลื่อนตัวออกไปเช่นกันหลังจากนั้น อันที่จริงขณะนอนฟังการสนทนาของกลุ่มหญิงสาวฉันตัดสินใจที่จะส่งเสียงสื่อสารออกไปตั้งแต่วินาทีแรก แต่ลำคอและปากที่แห้งปิดสนิท ฉันจึงไม่สามารถแม้กระทั่งส่งเสียงสะอื้นร้องไห้ออกมา นับประสาอะไรที่จะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ฉันอยากเคาะข้างกระบะรถเพื่อส่งสัญญาณเสียงให้คนข้างนอกรถรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตถูกกักขังอยู่ในนี้และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่ฉันไม่สามารถขยับร่างกายส่วนใดได้เลย มันชาไร้ความรู้สึกไปทุกส่วนอวัยวะ ฉันไม่มั่นใจว่าฉันได้ตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่

           ห้านาทีหลังจากนั้น ราวตีหนึ่งกว่าของวันใหม่ รถกระบะจอดอีกครั้งแต่ครั้งนี้แปลกพิกลกว่าการหยุดทุกครั้งที่ผ่านมา รถหยุดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ได้ยินเสียงเปิดประตูฝั่งข้างคนขับและเสียงเหมือนคนกระโจนลงน้ำ จากนั้นได้ยินเสียงคนผู้ชายล้วนจากทุกทิศรอบรถ ฉันไม่รู้ภาษาของพวกเขา ฝาปิดท้ายกระบะเปิดออก ผ้าใบคลุมท้ายรถถูกตวัดขึ้น แสงไฟฉายสาดส่องเข้ามา เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นรวดเร็วมากถึงมากที่สุดอย่างงง ๆ ผู้ชายสองคนชุดทหารไทยลากร่างแข็งทื่อของฉันออกจากที่นอนและวางฉันนอนคว่ำหน้าลงแนบพื้นถนน เสียงโอ้โห ๆ ดังเป็นระลอกทุกครั้งที่ผู้โดยสารคนใหม่ออกจากที่นอนหลังรถกระบะได้ เด็กและสตรีรวมสิบคนลงมาแล้วจากหน้ารถ เมียและลูกของฉันอยู่ในสิบคนนั้น ฉันดีใจที่ทั้งคู่ปลอดภัยและดีใจที่สุดที่ฉันเองยังมีชีวิตอยู่ได้โอกาสเห็นหน้ากันอีกครั้ง คนขับรถคนไทยไม่รู้ไปอยู่ตรงไหนฉันไม่เห็นเขาแล้ว สมาชิกท้ายกระบะเจ็ดคนออกมาได้แล้วแต่ยังไม่ครบ ฉันช่วยชี้ให้พวกทหารไทยดูที่พื้นท้ายกระบะ พอเชือกถูกดึงขึ้นเพื่อเปิดฝาลับที่พื้น วัยรุ่นพี่น้องสองคนที่นอนอยู่ในนั้นยังคงหลับลึกแน่นิ่งสนิท ร่างของทั้งคู่ถูกนำออกมาจากช่องลับใต้ท้องรถและวางหงายลงบนพื้นถนนอย่างทุลักทุเลทีละคน ทหารไทยสองสามคนมะรุมมะตุ้มที่หน้าอกของคนน้องแล้วย้ายไปมะรุมมะตุ้มกับคนพี่ต่อ พวกเขาหยุดการมะรุมมะตุ้มเมื่อวัยรุ่นพี่น้องทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นคืนชีพหลังเวลาผ่านไปกว่าสิบนาที

           “ดับสอง ขนแรงงานพม่าซุกใต้ท้องรถกระบะดัดแปลง พลเมืองตาดีแจ้งตำรวจหลังพบพิรุธคราบคล้ายเลือดติขอบล้อ” พาดหัวประชาไทนิวส์ ๖ เมษายน ๒๕๖๖


ผู้เขียน

สุรัชน์ อินทสังข์

นักวิชาการอิสระด้านคณิตศาสตร์ศึกษา มีสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบเดินทางท่องเที่ยวและสะสมย่ามไว้หลายร้อยใบ ตั้งใจทำบริเวณบ้านให้ร่มรื่นด้วยต้นไม้เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้คณิตศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ย่ามในอนาคต


แรงบันดาลใจ มุมมอง หรือสิ่งที่ต้องการนำเสนอ

           เนื่องจากที่บ้านมีสวนยางพาราและมีลูกจ้างกรีดยางเป็นคนพม่า จึงอยากนำเสนอเรื่องราวบางแง่มุมเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาให้ผู้อ่านคนไทยรับทราบ เรื่องนี้ผูกขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริงที่ได้จากการสัมภาษณ์ สะท้อนให้เห็นการลักลอบเข้าประเทศไทยที่เสี่ยงอันตรายและผิดกฎหมายโดยเปิดเผยความจริงว่าขบวนการลักลอบนำคนงานเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายมีอยู่จริง นอกจากนั้นยังเลือกนำเสนอประเด็นการเคี้ยวหมากของคนพม่าซึ่งเป็นวัฒนธรรมเด่นของประเทศพม่าให้ได้เรียนรู้กันไปด้วย


ความรู้สึกหรือมุมมองในการเขียนหลังจากเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมโครงการวรรณกรรมสนาม

           รู้สึกขอบคุณทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ที่ให้โอกาสได้มาอบรมและบังคับตัวเองให้เขียนเรื่องสั้นนี้ออกมา ขอบคุณวิทยากรนักเขียนที่ช่วยอ่านและให้ข้อคิดคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ในระหว่างการเขียน ตนเองได้ค้นอ่านข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบเข้าประเทศไทยของแรงงานเพื่อนบ้าน รู้สึกสะเทือนใจและสงสารพวกเขา อยากให้ผู้อ่านเข้าใจพวกเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์มากขึ้น หลังจากการอ่านเรื่องราววัฒนธรรมการเคี้ยวหมากของโลกและได้ทดลองเคี้ยวหมากเป็นครั้งแรก พบว่า วัฒนธรรมการเคี้ยวหมากของไทยและของโลกมีประเด็นร่วมทางความคิดที่คล้ายกัน เราสามารถเข้าใจวิถีชีวิตและชื่นชมเพื่อนมนุษย์ด้วยกันผ่านวัฒนธรรมการเคี้ยวหมากได้ และที่สำคัญ ผมจะเริ่มปลูกหมากในหน้าฝนนี้

ป้ายกำกับ วรรณกรรมสนาม หมากเกมนี้ สุรัชน์ อินทสังข์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Share