เขียนโดย Leclère, Adhémard, 1853-1917 | วันที่เผยแพร่เอกสาร 01/01/2513
ผู้เข้าชม 2062 | จำนวนดาวน์โหลด 0
คะแนนสื่อ
fête des eaux à Phnom-Penh, La = เทศกาลลอยประทีปที่พนมเป็ญ
Leclère, Adhémard, 1853-1917
ไทย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Lhémard Leclère. (Année 1904).La fête des eaux à Phnom-Penh, La. Bulletin de l'Ecole française d'Extrême-Orient.Volume 4 Numéro 4 pp. 120-130
ดูเอกสารต้นฉบับจาก www.persee.fr
เทศกาลลอยประทีปที่พนมเป็ญ
(La fête des eaux à Phnom-Penh)
โดย อเดมาร์ เลอแกลร์ (Adhémard LECLÈRE)
จาก “วารสารของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ”
(Bulletin de l’Ecole Française d’Extrême Orient)
ค.ศ. ๑๙๐๔ ฉบับที่ ๔ เล่มที่ ๑ – ๒ หน้า ๑๒๐ - ๑๓๐
สรุปความโดย ดร.เสาวนิต รังสิยานนท์
ที่พนมเป็ญ คืนวันที่ 25, 26, 27 ตุลาคม 1901 เป็นคืนข้างแรม มีเทศกาลที่ชาวยุโรปเรียกว่า “งานฉลองแม่น้ำ” (fête des eaux) แต่ชาวกัมพูชาเรียกว่า “เทศกาลแข่งเรือ” หรือ “เทศกาลลอยประทีป” วันสุดท้ายของงานเป็นวันที่มีคืนเดือนเพ็ญ ตรงกับวันออกพรรษา และเป็นวันแรกที่มีการทอดกฐินและจะทำสืบเนื่องกันไปเป็นเวลา 30 วัน
เทศกาลลอยประทีปครั้งที่ 2 คือ ขึ้น 13, 14 และ 15 ค่ำตรงกับวันที่ 23, 24 และ 25 พฤศจิกายน 1901 เป็นการปิดเทศกาลทอดกฐิน มีงานฉลองเช่นเดียวกับในเดือนตุลาคม
ไม่มีผู้ใดทราบว่า เทศกาลลอยประทีปในกัมพูชามีมาตั้งแต่สมัยใดและเป็นประเพณีทางศาสนาพุทธหรือศาสนาพราหมณ์ หลักฐานที่ทราบเป็นแต่เพียงตำนาน ซึ่งเล่าขานต่อ ๆ กันมา
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง เทศกาลลอยประทีปมี 4 ตอน คือ เทศกาลแข่งเรือ พิธีตัดสายสิญจน์ พิธีสรงน้ำมนต์ และเทศกาลลอยประทีปหรือที่ชาวไทยเรียกว่า สารทลอยกระทง (ตามที่กล่าวไว้ในบทความ)
I
ที่พนมเป็ญ พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพารและแขกของพระองค์ประทับและลงเรือประดับธงหลากสี มีพลประจำเรือแต่งกายและสวมหมวกสีแดง พร้อมด้วยฆ้อง เพื่อประกาศชัยชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทางน้ำนั่งอยู่บนเสื่อมีเครื่องประดับยศตามธรรมเนียม ทำหน้าที่ประธานจัดงานและสนองพระโอษฐ์
ในเรืออีกลำหนึ่ง มีขุนนาง (Tép Arčun) เป็นผู้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทางน้ำ ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และแขกระดับสูงลงเรือที่อยู่ใกล้กับเรือพระที่นั่ง พลประจำเรือแต่งชุดขาว
เรือที่จะเข้าแข่งขันเป็นเรือขุด หัวหน้าฝีพาย (nak thom) นั่งที่หัวเรือ ท้ายเรือมีคนถือหางเสือ ส่วนคนขับร้องเพลงและทำท่าทางตลกอยู่กลางเรือ เรือที่จะเข้าแข่งขันแล่นผ่านเรือพระที่นั่งทีละลำ
เมื่อเริ่มการแข่งขัน เรือจะทยอยกันออกทีละ 2 ลำ ทุก 5-6 นาที เมื่อถึงจุดเริ่มต้น ก็เร่งฝีพายเต็มที่ หัวหน้าฝีพายใช้พายที่เขียนด้วยสีทองและสีแดงเคาะให้จังหวะ พลประจำเรือแต่งกายสีแดงตีฆ้อง
มีการแข่งขันเช่นเดียวกันนี้ 7-8 ครั้ง แล้วก็มีการแข่งขันรอบใหญ่ ซึ่งเรือทุกลำเข้าแข่งขันพร้อมกัน
II
ระหว่างการแข่งขัน พระครู [เข้าใจว่าคือพราหมณ์ (ผู้แปล)] 2 รูป ขึงสายสิญจน์ขวางแม่น้ำ และ Prohm Čei (หรือ Brahma Jaya) นั่งมาในเรือมีฝีพาย 7 คน มือถือดาบ
ก่อนจะขึงสายสิญจน์มีการบวงสรวง “พระปัญจกษัตริยา” (เทพเจ้า 5 พระองค์)
โดยหัวหน้าพ่อค้าเพชรพลอย, หัวหน้าพ่อค้าผ้า หัวหน้าพ่อค้าข้าว เป็นผู้ตั้งเครื่องบวงสรวงที่พระหอ แล้วพระครูหรือพราหมณ์รับปัจจัยจากหัวหน้าทั้งหลาย ต่อจากนั้นศรีนครบาลหรือผู้ดูแลราชอาณาจักร (ทำหน้าที่คล้ายอธิบดีกรมตำรวจ) มอบดาบด้ามใหม่ให้แก่พระครู
ปัจจัยที่หัวหน้าพ่อค้าทั้ง 3 ถวายพระครูนั้น คือเครื่องบูชาที่พระครูจะถวายเทพเจ้า ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นแก่ตัวพระครู เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และเครื่องประดับ
เมื่อถึงพิธีถวายสายสิญจน์ เมื่อพระจันทร์เริ่มทอแสง และพระอาทิตย์กำลังตกดิน พราหมณ์ก็แต่งตัวด้วยเครื่องแดงนั่งเรือเข้าไปใกล้สายสิญจน์ที่ขึงขวางแม่น้ำอยู่ ท่องบทสวดพนมมือ ดื่มน้ำมนต์ หลังจากทำท่าเงื้อดาบสองครั้งแล้ว ครั้งที่สามก็ใช้ดาบตัดสายสิญจน์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสัญญาณให้เรือหลายร้อยลำที่เรียงรายอยู่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ความสำคัญของพิธีนี้ก็เพื่อให้น้ำที่ท่วมอยู่และน้ำในแม่น้ำใหญ่อยู่ภายใต้อำนาจของพระเจ้าแผ่นดิน จะเห็นได้จากการที่ชาวกัมพูชาทำพิธีนี้ในฤดูที่น้ำหลากเริ่มลด ในคืนวันเพ็ญ
ชาวบ้านเชื่อว่าพิธีนี้ทำเพื่อแสดงความกตัญญูต่อแม่ธรณีและแม่คงคา และเพื่อขอประทานอภัยที่ผู้คนได้ทำให้แม่น้ำสกปรก ส่วนปัญญาชนบอกว่า ทั้งพิธีแข่งเรือและพิธีตัดสายสิญจน์กลางแม่น้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณร้ายที่อยู่บนพื้นดินและแม่น้ำ ทำความเสียหายแก่ราชอาณาจักร
พิธีดังกล่าวอาจจะเป็นพิธีพราหมณ์ [ตามความคิดของผู้เขียน (ผู้แปล)] เห็นได้จากการบูชาเทพเจ้าทั้งห้า และการเอ่ยพระนามแม่ธรณี และคงคา ในพิธีนี้พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไม่มีส่วนร่วม
III
เมื่อพระจันทร์เริ่มเลือนหายจากท้องฟ้า พราหมณ์ในเครื่องแต่งกายพิธี ถวายสังข์บรรจุน้ำมนต์ เสกจากน้ำในแม่น้ำแก่พระเจ้าแผ่นดินเพื่อสรงพระพักตร์ และพระเกศาต่อหน้ามหาสมาคม 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เพื่อบูชาพระพรหม พระนารายณ์ และพระอิศวร ครั้งที่ 2 เพื่อบูชาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ประเพณีนี้เป็นประเพณีโบราณที่ Kompong-Luong ใกล้กับ Gudang ถึงแม้จะยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่ได้ทำใหญ่โตอีกแล้ว
IV
เมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสร็จพิธีสรงพระพักตร์ และพระเกศาแล้ว ก็เริ่มลอยประทีป เป็นขบวนเรือท้องแบน บนเรือมีรูปสัตว์ทุกชนิดและโคมไฟ (ในสมัยก่อนชาวเมืองร่วมลอยกระทงด้วย ภายในกระทงมีข้าว ขนม อาหาร และธูปเทียน) พระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ และประชาชน กล่าวอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ
ผู้เขียนกล่าวว่าพิธีนี้เป็นพิธีโบราณที่พระสงฆ์ไม่มีส่วนร่วมแต่อย่างใด
V
ในระหว่างพิธีลอยประทีป พราหมณ์เอาสายสิญจน์ 2 ท่อนห่อในผ้าขาวและนำไปแขวนไว้ที่กิ่งไม้ที่ศาลพระภูมิ เมื่อก่อนนี้พราหมณ์เอาสายสิญจน์ไปแขวนไว้ที่ละแวก (Lovêk) และก่อนที่จะสร้างละแวก สายสิญจน์น่าจะเก็บไว้ที่ใกล้กับนครธมในปัจจุบัน
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เข้าสู่ระบบ *