เขียนโดย Chavannes-Mazel, Claudine Albertine, 1949- | วันที่เผยแพร่เอกสาร 01/01/2513
ผู้เข้าชม 1565 | จำนวนดาวน์โหลด 0
คะแนนสื่อ
Vayage de Song Yun dans l’Udyāna et le Gandhāra
Chavannes-Mazel, Claudine Albertine, 1949 -
ไทย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Edouard Chavannes.(Année 1903). Voyage de Song Yun dans l'Udyāna et le Gandhāra. Bulletin de l'Ecole française d'Extrême-Orient. Volume 3 Numéro 3 pp. 379-441
ดูเอกสารต้นฉบับจาก www.persee.fr
Vayage de Song Yun dans l’Udyāna et le Gandhāra 518-522 p.c. Traduit par M.E. CHAVANNES, member de l’Institut
สรุปความโดย ดร.เสาวนิต รังสิยานนท์
Abel Rémusat ได้แปล “เรื่องเล่าการเดินทางของ Song Yun และสหายใน Udyāna และคันธารราษฎร์ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6” เป็นบางส่วน และตีพิมพ์ใน Foe koue ki ในปี 1836 หลังจากที่ผู้แปลตายแล้ว 4 ปี และ C.F. NEUMANN และ S.BEAL ก้ได้แปลทั้งหมดในเวลาต่อมา และเมื่อเร็ว ๆ นี้ข้อสังเกตของ A. FOUCHER เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของคันธารราษฎร์ในสมัยโบราณ ได้ทำให้ปัญหาโบราณคดีในเรื่องของ Song Yun ชัดเจนขึ้น และ J. Marquart ก็ทำให้ปัญหาการแปลของ Beal หมดไป ในที่นี้ จะให้ความกระจ่างในสิ่งที่ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจ ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ Wei กล่าวว่า สมณะ Houei-cheng เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งของ Song Yun ได้รับคำสั่งให้ไปในประเทศตะวันตกเพื่ออัญเชิญ sūtras et des traites sur la discipline สมณะรูปนี้กลับมาที่ Lo-yang ในฤดูหนาวของปี 522 และใน “Pei che” กล่าวว่า Houei-cheng ไม่รู้จักดินแดนที่เขาเดินทางผ่านทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ชื่อภูเขา แม่น้ำ และระยะทาง นอกจากนี้ใน Pei-che ยังระบุว่า Cheng Fou-tse (หรือ Wang-Fou-tse ในตำราบางเล่ม) เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนสมณะ Fa-li ไม่เป็นที่รู้จัก และใน Che kiafang tche ตีพิมพ์โดย Tao-siuan ในปี 650 กล่าวถึงเพื่อนร่วมทางอีกคนหนึ่งของ Song Yun ชื่อ Tao-cheng และคนอื่น ๆ เดินทางผ่านภูเขา Tch’e-ling จนถึงสถานที่ที่มีสถูปในราชอาณาจักร Kan-t’o-wei (คันธารราษฎร์) จากสารานุกรมพุทธศาสนา Fo tsou t’ong ki ตีพิมพ์ระหว่าง 1269-1271 ในปี 521 Song Yun สมณะ Fa-li และคนอื่น ๆ ได้รับบัญชาจากจักรพรรดิให้ไปอัญเชิญหนังสืออันศักดิ์สิทธิ์ (น่าจะเป็นพระไตรปิฎก-ผู้แปล) จากทางตะวันตกของอินเดีย และ Song Yun และคณะได้นำกลับมา 170 เล่มในปี 523 จากเอกสารที่กล่าวมา เห็นได้ว่าปีที่ Song Yun ออกเดินทางและเดินทางกลับไม่ตรงกันทีเดียวนัก แต่จาก la relation de Song Yun Houei-cheng ถูกส่งไปคันธารราษฎร์ในปี 518 และกลับในปี 522 ทั้ง Song Yun และ Houei-cheng ต่างก็เขียนเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเดินทางไว้ เรื่องเล่าของทั้งสองได้มีการกล่าวถึงในประวัติของราชวงศ์สุย (Souei) และประวัติของราชวงศ์ถัง (Tang) เป็นที่น่าเสียดายที่หนังสือที่ทั้งสองเขียนไว้ได้สูญหายไป แต่ก็ได้พบบางส่วนใน Lo yang kia lan ki หรือ “ข้อตกลงเรื่องสังฆารามที่ Lo-yang” เขียนประมาณปี 547 โดย Yang Hiuan-tche ที่กล่าวถึงการเดินทางของ Song Yun ในบทที่ 5 หนังสือเล่มนี้รวมเรื่อง 3 เรื่องไว้ด้วยกันคือ ข้อตกลงที่เขียนโดย Tao-yo (พระนักเดินทางในคริสต์ศตวรรษที่ 5) การเดินทางของ Houei-cheng และการเดินทางของ Song Yun Song Yun และ Houei-cheng เดินทางไปดินแดนตะวันตกสมัยจักรพรรดินีหู (Hou) แห่งราชวงศ์เหวย (Wei) Song Yun ทำหน้าที่ราชทูตคือราชสาส์นจากจีนไปถวายแด่กษัตริย์ Udyāna และกษัตริย์คันธารราษฎร์ Song Yun และ Houei-cheng ได้ทำหนังสือภาษาฮินดูกลับไปจีนจำนวน 170 เล่ม นับว่าเขาเป็นผู้นำวรรณคดีเกี่ยวกับพุทธศาสนาจากอินเดียสู่จีน ซึ่งต่อมาเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางด้านความคิด หนังสือที่ Song Yun นำกลับไปจีนนั้นว่าด้วยลัทธิมหายาน ซึ่งเขาพบที่ Udyāna และคันธารราษฎร์ ที่ Udyāna อิทธิพลของตุรกีได้ผสมผสานกับทฤษฎีของศาสนาพุทธด้วยศิลปะที่รุ่งเรือง และจารีตประเพณีของอิหร่าน ศิลปะการทำรูปปั้นแบบกรีก ในสมัยนั้นมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพุทธอยู่ 2 แห่ง คือลุ่มแม่น้ำ Indus และลุ่มแม่น้ำคงคา นักแสวงบุญชาวจีนส่วนมากข้ามแม่น้ำ Indus เพื่อไปลุ่มแม่น้ำคงคา เพราะเส้นทางที่ผ่านทางเนปาลยังไม่เป็นที่รู้จัก คันธารราษฎร์จึงมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่พุทธศาสนาในจีนทั้งในด้านธรรมะ (littérature sacrée) และศิลปะที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ทางด้านสถาปัตยกรรมตามที่ Song Yun เขียนไว้ จีนได้สร้างสถูปเลียนแบบของอินเดียตอนเหนือ นอกจากนี้ยังเห็นอิทธิพลของอินเดียได้จากปฏิมากรรมและจิตรกรรมของจีนระหว่างปี 414-523
Texte de la relation
เป็นงานเขียนของ Song Yun เล่าเรื่องการเดินทางผ่านเมืองต่าง ๆ โดยออกจากเมืองหลวงไปทางทิศตะวันตก ผ่านภูเขาแดงที่ไม่มีทั้งหญ้าและต้นไม้ จากนั้นถึงราชอาณาจักร T’ou-yu-houen ที่ที่อากาศหนาวหิมะตกหนัก ลมแรง และจาก Chan-chan ถึงเมือง Tso-mo มีพระพุทธรูปและรูปปั้นพระโพธิสัตว์ เมื่อเดินจากเมือง Mo ไปทางตะวันตก 22 ลี้ ก็ถึงเมือง Han-mo มีวัดใหญ่และมีพระสงฆ์ 300 องค์ มีพระพุทธรูปทองคำสูง 16 ฟุต ห่างจาก Han-mo ไปอีก 178 ลี้ทางตะวันตกก็ถึง Yu-t’ien (khoten) ซึ่งมีกษัตริย์ปกครอง ปี 519 Song Yun ไปถึงราชอาณาจักร Karghalik ประชาชนอยู่ตามภูเขา มีขนบประเพณีเหมือนกับ Khoten มีภาษาเขียนเหมือนของ P’o-lo-men [= พราหมณ์(ฮินดู)] แล้วถึง Han-p’an-t’o (Tach-kourgane) เดินไปอีก 6 วันถึงภูเขา Ts’ong-ling อีก 3 วันถึงเมือง Po-yu และอีก 3 วันถึงภูเขา Pou-k’o-yi อากาศหนาวจัดตลอดปี มีหิมะหนา ในเวลาต่อมาถึงราชอาณาจักร Po-ho (Wakhân) มีภูเขาสูง ทางอันตราย อากาศหนาวจัด ในเดือนที่ 10 ของปี 519 พวกเขาก็ถึงราชอาณาจักร Ye-ta (Hephthalites) มีไร่นา ภูเขา และบึงน้ำสุดสายตา ประชาชนในอาณาจักรนี้ไม่มีภาษาเขียน มีการติดต่อกับชนเผ่าต่าง ๆ และได้รับบรรณาการจาก หลาย ๆ ราชอาณาจักร Hephthalites มีอาณาเขตทางใต้ติดกับ Tie-lo ทางเหนือติดกับ Tch’e-le ทางตะวันออกติด Yu-t’ien (khaten) ทางตะวันตกติดกับเปอร์เชีย ในเดือนที่ 11 Song Yun เข้าไปในราชอาณาจักร Po-sseu ประชาชนของอาณาจักรนี้อยู่ตามภูเขา และดุร้าย วันที่ 10-20 ของเดือน 11 Song Yun ถึงราชอาณาจักร Chö-mi ประชาชนเมืองนี้อยู่ในสภาพทุกขเวทนา หนทางอันตราย และแคบ ต้นเดือนที่ 12 Song Yun ก็เข้าไปใน Wou-tch’ang (Udyāna) ทางเหนือของเมืองนี้จดภูเขา Ts’ong-ling ทางใต้ติดชายแดนอินเดีย อากาศไม่ร้อนจัด และไม่หนาวจัด ผู้คนอยู่ดีกินดี ไร่นาอุดมสมบูรณ์ ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ Song Yun ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อถวายราชสาส์นจากจักรพรรดินีหู (Hou) และได้นมัสการสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา เช่นวัด T’o-lo ในปี 520 Song Yun และคณะ ก็เข้าไปในเขตราชอาณาจักร Kant-t’o-lo (คันธารราษฎร์) ลักษณะของเมืองคล้ายกับ Udyāna Song Yun ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อถวายสาส์นจากอาณาจักรจีน และเดินทางต่อไปจนถึงแม่น้ำสินธุ เดินทางด้วยเท้า 3 วันก็ถึงเมือง Fo-cha-fou ซึ่งอุดมสมบูรณ์และร่ำรวย มีวัดเก่าแก่ พระอยู่ในศีลธรรม มีจริยาวัตรดีงาม หลังจากนั้น Song Yun เข้าไปในเมืองคันธารราษฎร์ Song Yun ได้เล่าตำนานสถูปของกษัตริยื Kia-ni-sö-kia (kaniska) ภายในบรรจุเครื่องบูชาทำด้วยทองและหยก นอกจากนี้เขายังได้เล่าเรื่องต้นไม้ p’ou-t’i (bodhidruma) บันทึกของ Tao-yo (La relation de Tao-you) เล่าเรื่องราชอาณาจักร Na-kia-lo-a (Nagarahāra) “หาระนคร?” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุส่วนพระเศียร (กระดูกกะโหลกศีรษะด้านบน) ของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังมีไม้เท้า พระทนต์ พระเกศา และรอยพระพุทธบาทประทับบนหินหน้าถ้ำ ถ้ำพระโมคลายนะ (Maudgalyāyana) Houei-cheng อยู่ที่ราชอาณาจักร Udyāna เป็นเวลา 2 ปี และกลับไปจีนในปี 521 Yang Hiuan-tche ผู้เขียน “Lo yang kia lan ki” กล่าวว่าเรื่องเล่าการเดินทางของ Houei-cheng ควรจะได้รับการต่อเติมอีกหลายจุด เขาจึงต่อเติมด้วยเรื่องเล่าการเดินทางของ Tao-yo และบันทึกส่วนตัวของ Song Yun เพื่อจะได้เรื่องราวที่ครบถ้วน ซึ่งผู้เขียนบทความได้ใส่เรื่องของ Tao-yo และ Song Yun ไว้ใน Appendice
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เข้าสู่ระบบ *