เขียนโดย Pelliot, Paul, 1878-1945 | วันที่เผยแพร่เอกสาร 01/01/2513
ผู้เข้าชม 19031 | จำนวนดาวน์โหลด 0
คะแนนสื่อ
Fou - Nan, Le = อาณาจักรฟูนัน
Pelliot, Paul, 1878-1945
ไทย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Paul Pelliot.(Année 1903). Fou-nan, Le.Bulletin de l'Ecole française d'Extrême-Orient. Volume 3 Numéro 3 pp. 248-303
ดูเอกสารต้นฉบับจาก www.persee.fr
อาณาจักรฟูนัน Le Fou - Nan) โดย Paul PELLIOT ศาสตราจารย์ ประจำสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ (Professeur è l’ École française d’ Extrême-Orient) ฉบับที่ 3 เล่มที่ 2 ค.ศ. 1903 สรุปความโดย ดร.เสาวนิต รังสิยานนท์
ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล เมื่อ Tchang – K’ien เห็นไม้ไผ่และผ้าใบที่มาจากยูนนานและเสฉวน จึงคิดที่จะเปิดประเทศจีนสู่ซีกโลกด้านตะวันตก โดยผ่านทางตอนใต้ของประเทศจีน ต่อมาในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ตังเกี๋ยเป็นที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างเอเซียและตะวันออกไกล จีนจึงใช้เส้นทางนี้ติดต่อกับราชอาณาจักรตะวันออก ในระหว่างศตวรรษที่ 3 ถึงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล ตำราจีนกล่าวว่า ฟูนันเป็นทางผ่านระหว่างอินเดียกับจีน แต่หลังจากนั้นอาณาจักรฟูนันก็ถูกลืม แต่เมื่อมีการค้นพบทางโบราณคดีเมื่อ 35 ปีที่แล้ว (ก่อน ค.ศ. 1903-ผู้แปล) ฟูนันก็เป็นที่สนใจอีกครั้งหนึ่ง ผู้ที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับจีนกล่าวว่า ฟูนันอยู่ในสยาม บ้างก็ว่าอยู่ในกัมพูชาหรือในกัมพูชาโบราณ บ้างก็ว่าอยู่ชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย Mr.Aymonnier ได้กล่าวไว้ใน Journal Asiatique โดยอ้างถึงเอกสารที่ Harvey de Saint – Denys แปลจากบทความของ Ma Touan-lin ใน “Les peuples orientaux connus des anciens Chinois” (ชาวตะวันออกที่ชาวจีนโบราณรู้จัก) ของ M. de Rosny และใน “Voyages d’ exploration en Indo-Chine” (การเดินทางสำรวจในอินโดจีน) ว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับนักเขียนคนอื่นที่กล่าวว่า ชาวจีนไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับฟูนัน” จากบันทึกประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์ฉิน (Tsin chou (ค.ศ.265 - 419)) กล่าวถึง ราชอาณาจักรฟูนันว่า อยู่ห่างจากเลินยี่ (Linyi) ไปทางทิศตะวันตกมากกว่า 3 พันลี้ โดยต้องเดินทางไปในทะเล ชาวเมืองผิวดำผมหยิกไม่สวมเสื้อผ้าและรองเท้า มีอาชีพเพาะปลูก ชอบแกะสลักเพื่อการตกแต่ง เครื่องใช้ในการรับประทานอาหารส่วนมากทำด้วยเงิน พวกเขาเสียภาษีด้วยทอง เงิน ไข่มุก และเครื่องหอม นอกจากนี้ ชาวฟูนันยังมีหนังสือ มีหอจดหมายเหตุ และอื่น มีอักษรเขียนคล้ายของ Hou มีพิธีศพ และการแต่งงานคล้ายกับที่เลินยี่ของอาณาจักรจัมปา นอกจากนี้ยังมีบทความที่กล่าวถึงฟูนันอีกมาก โดยอธิบายลักษณะของอาณาจักรฟูนัน ตลาดซึ่งเป็นที่พบปะของผู้คนจากตะวันตกและตะวันออกมากกว่าหนึ่งหมื่นคนในแต่ละวัน อาณาจักร P’ i – k’ien ซึ่งอยู่ห่างจากฟูนัน 8,000 ลี้ ราชไมตรีระหว่างกษัตริย์ P’ i – k’ien ผู้มีความรู้และ มั่งคั่งกับกษัตริย์ฟูนัน ทางทิศตะวันออกของฟูนันมีเกาะ ๆ หนึ่งอยู่กลางทะเลอันกว้างใหญ่ เป็นที่ตั้งของอาณาจักร (Tchou-po) ตลอดระยะเวลาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 จีนได้ทำการติดต่อค้าขายกับฟูนัน และฟูนันก็ส่งราชทูตไปจีน บันทึกประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์สุย (Souei Chou (ค.ศ.589 - 618)) กล่าวถึง ราชอาณาจักรใหม่ 2 ราชอาณาจักร ซึ่งมีบทบาทในประวัติศาสตร์ของฟูนันคือ ชื่อกู่ (Tche-t’ou) และเจนละ ชื่อกู่เป็นที่รู้จักจากการเดินทางของฉางจุ้น (Tch’ang Tsiun) ใน ค.ศ. 607 และดูเหมือนว่า อาณาจักรนี้อยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำ (la Menam) และเจนละ คือ กัมพูชา มีคณะราชทูตที่รู้จักครั้งแรกใน ค.ศ. 616 หรือ 617 เอกสารจีนกล่าวว่า ชื่อกู่ เป็นสาขาหนึ่งของฟูนัน และเจนละอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเลินยี่ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นประเทศราชของฟูนันมีกษัตริย์ทรงพระนามจิตรเสนะ จิตรเสนะยึดฟูนันได้และทำให้ฟูนันอยู่ใต้อำนาจ อีศาณะเสนะครองราชย์ต่อจากพระบิดาจิตรเสนะ และประทับอยู่ที่เมืองอีศาณะ ประวัติศาสตร์ใหม่ในสมัยราชวงศ์ถัง (Sin t’ang chou) (ค.ศ. 618 – 906) กล่าวว่า ฟูนัน อยู่ห่างจาก Jenan 70 ลี้ อยู่ในที่ต่ำเช่นเดียวกับอาณาจักรจัมปา ตัวเมืองมีกำแพงล้อมรอบ มี พระราชวัง และบ้านเรือน ฟูนันอุดมสมบูรณ์และมั่งคั่ง ประชาชนจ่ายภาษีด้วยทอง ไข่มุก และเครื่องหอม ต่อมาไม่นานก็ถูกเจนละรุกราน และอพยพลงไปทางใต้ไปอยู่ที่ Na – fou – na ในระหว่าง ค.ศ. 627-649 กษัตริย์อีศาณะบังคับให้ฟูนันอ่อนน้อมและยึดฟูนันไว้ได้ และกล่าวว่า อินเดียตะวันออกติดทะเลใกล้กับฟูนัน และเลินยี่ อินเดียติดต่อค้าขายกับ Ta – ts’in ฟูนัน และตังเกี๋ย นอกจากนี้ คังไก่ (K’arg T’ai) และ ......................... (Tcho-ying) ได้เดินทางไปฟูนันในศตวรรษที่ 3 นักประวัติศาสตร์ได้ใช้หนังสือที่ทั้งสองเขียนเป็นเอกสารอ้างอิง เอกสารจีนอื่น ๆ ก็กล่าวตรงกันว่า ฟูนันอยู่ใกล้กับเลินยี่ และติดต่อค้าขายกับอินเดีย และระหว่าง ค.ศ. 460 – 524 พระสงฆ์จากฟูนัน 2 รูป คือ San۟ghapala และ Mandra ได้มาจำพรรษาในจีน และแปลคัมภีร์ศาสนาพุทธในสมัยราชวงศ์เหลียง (Leang) สำหรับชื่อภาษาจีนของอาณาจักรฟูนัน Aymonier กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงเสมอทั้งเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และในสมัยเดียวกัน อาณาจักรหนึ่งอาจมีชื่อหลายชื่อ Aymonier เชื่อว่า P’ o – li อาจจะเป็นอีกชื่อหนึ่งของอาณาจักรฟูนัน เช่นเดียวกับ Lang – ya – sieou แต่จาก หลักฐานต่าง ๆ ไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ชื่อฟูนัน (Fou – nan) Tso – Sseu ใช้เรียกอาณาจักรนี้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 และอีกชื่อหนึ่งคือ ปานัน (Pa – nan) Yi – tsing ใช้ในศตวรรษที่ 8 ในปลายศตวรรษที่ 5 และต้นศตวรรษที่ 6 Li Tao – yuan กล่าวว่า อาณาจักรเลินยี่ติดกับอาณาจักรฟูนันทางใต้ และกัมพูชาเป็นอาณาจักรเดียวที่น่าจะอยู่ทางใต้ของเลินยี่ และจากเลินยี่สามารถเดินทางไปกัมพูชาได้ทั้งทางบกและทางน้ำ ดังนั้น อาณาจักรฟูนันคือดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง ศูนย์กลางอำนาจของฟูนัน อยู่แถบแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลจากตะวันตกหรือตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งก็คือ แม่น้ำโขง (ผู้เขียน) เมืองหลางอยู่ห่างจากทะเล 500 ลี้ และที่สำคัญเมื่อนักเดินเรือจะเดินทางจากมหาสมุทรอินเดียไปจีนในสมัยนั้น ช่องแคบมะละกายังไม่เป็นที่รู้จัก เขาจึงแวะที่ฟูนัน ซึ่งอยู่ระหว่างคอคอดกระกับตังเกี๋ยหรือจีน ราชทูตจีนในศตวรรษที่ 3 พบชาวฮินดูที่เมืองหลวงของฟูนัน และกษัตริย์ Fan Siun ของฟูนันก็ออกจากเมืองนี้ไปรบกับประเทศใกล้เคียงทางทะเล ดังนั้น เมืองหลวงต้องอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตามจารึกที่พระตะบองเป็นไปได้มากว่าเมืองหลวงเมืองแรกของกัมพูชาโบราณอยู่ที่ Yyàdhapura ในปลายศตวรรษที่ 6 และต้นศตวรรษที่ 7 ชาวกัมพูชา-เจนละ ภววรมัน และกษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาจึงรับว่า Yyādhapura คือ ราชธานีเก่าของฟูนัน ในสมัย Fan Siun อาณาจักรฟูนันติดต่อกับอาณาจักรเลินยี่ ต่อมาพราหมณ์ เกาณฑิณยะ ได้เผยแพร่ศาสนาฮินดูในฟูนัน และเปลี่ยนแปลงสถาบันต่าง ๆ ของฟูนันให้เป็นแบบฮินดู ค.ศ. 539 จักรพรรดิจีนให้พระสงฆ์ ชื่อ Yun – pao อัญเชิญเส้นพระเกศาพระพุทธเจ้ามาถวายแก่รุทรวรมัน เอกสารจีนไม่ได้กล่าวถึงกษัตริย์ที่ครองราชย์ต่อจากรุทธรรวรมัน แต่บอกว่า อาณาจักรฟูนันถูกจิตรเสนะกษัตริย์เจนละครอบครอง และกษัตริย์ฟูนันต้องอพยพจากเมืองหลวง T’ö – mou ไปประทับอยู่ทางใต้ที่เมืองนาฟูนา (Na – fou – na) หรือนวนคร (Navanagara) หาก T’ö – mou อยู่ในแถบ Chaudoe – Phnompenh นาฟูนาก็น่าจะอยู่ด้าน Kampot หลังจากเจ้าชายแห่งฟูนันส่งราชทูตไปยังราชสำนักราชวงศ์ถัง ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 7 ราชอาณาจักรฟูนันก็ถูกกลืนไปอยู่ในราชอาณาจักรเขมร M. Aymonier กล่าวว่า ฟูนันกลายเป็นเจนละหรือเขมรในประวัติศาสตร์ (Pelliot) เช่นเดียวกับที่เลินยี่ (Linyi) เป็น Tchan – tch’eng (จัมปา) หรือ Lang – ya – sieou, หรือ P’o – li ผู้เขียนพยายามหาหลักฐานพิสูจน์ว่า จิตรเสนะเป็นคนเดียวกับมเหนทรวรมัน โดยศึกษาจากจารึก ซึ่งส่วนมากไม่บอกปีที่จารึก นอกจากจารึกของปี ค.ศ. 624 แต่ก็ไม่มีชื่อผู้ครองอาณาจักรในปี 604 และจากจารึกของ Veal Kantel, Ang Chumnik จารึกปักษีจำกรง (Baksey Changkrang) จากเอกสารจีน จารึกประวัติศาสตร์โบราณของฟูนัน และประวัติศาสตร์กัมพูชาตอนต้น อีกทั้งจากการศึกษาของ M. Aymonier เขาก็พบว่ามีความสับสน เอกสารจีนในปี 616- 617 กล่าวว่า อิศาณะวรมันเป็นผู้สร้างอาณาจักรเขมร เนื่องจากจีนไม่รู้จักจิตรเสนะ ตามความเห็นของผู้เขียนน่าจะเป็นในรัชสมัยของภววรมัน (ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 6) ที่เจ้าผู้ครองเจนละ และกษัตริย์ฟูนันเป็นบุคคลคนเดียวกัน บทความนี้ ยังกล่าวถึงลำดับกษัตริย์ของเจนละในสายภววรมัน โดยอ้างถึงจารึกของ Ang Chumnik, Bergaine จารึก 2 หลัก ที่นครธม
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เข้าสู่ระบบ *