เขียนโดย . | วันที่เผยแพร่เอกสาร 01/01/2513
ผู้เข้าชม 2140 | จำนวนดาวน์โหลด 0
คะแนนสื่อ
กรมหมื่นดำรงตรวจการมณฑลปราจีณ ( ๓มค รศ ๑๑๙ - ๑๐ สค รศ ๑๑๒ )
ไทย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
จดหมายเหตุแห่งชาติ, สำนัก. เอกสารกรมราชเลขาธิการ กระทรวงมหาดไทย รัชกาลที่ ๕ ม.๒ แผนกปกครองเรื่องกรมหมื่นดำรงตรวจการมณฑลปราจีณ( ๓มค รศ ๑๑๙ - ๑๐ สค รศ ๑๑๒ ). รหัสไมโครฟิล์ม มร. ๕ ม/๒๙/๑.
เลขที่เอกสาร ม.๒.๑๔/๓๙
เอกสารกรมราชเลขาธิการ กระทรวงมหาดไทย รัชกาลที่ ๕
ม.๒ แผนกปกครอง รหัสไมโครฟิล์ม มร. ๕ ม/๒๙/๑ เลขที่เอกสาร ม.๒.๑๔/๓๙ จำนวน ๓๒ แผ่น
ในส่วนที่ขึ้นต้นว่าจดหมายเหตุรายวัน เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยไปตรวจราชการเมืองชลบุรี เมืองฉเชิงเทรา เดือนมากราคม ร.ศ.๑๑๙ กล่าวถึงศาลเจ้าชาวจีนที่เมือชลบุรี (หน้า ๑๗) ... ศาลเจ้าที่เมืองชลบุรีนี้มีประโยชน์มาก ด้วยมีมาแต่เดิมตั้งแต่ก่อนมีผู้คนมากมาย ครั้นตลาดยี่สานติดมากขึ้น ผู้รักษาศาลเจ้าเก็บคาเช่าที่บริเวณสาน ซึ่งโรงบ่อนแลตลาดร้านอาไศรปลูกสร้างขึ้นในเวลานี้โดยมาก จึงเกิดเป็นผลประโยชน์เงินขึ้นศาลเจ้าปีละมากๆ จนทุกวันนี้ แต่ได้ความจากพวกจีนว่า เงินที่เก็บได้ไม่ปรากฏว่าได้ใช้จ่ายในการที่เป็นประโยชน์อย่างใด ...
เมื่อเดินทางจากหนองตำลึงเข้าเขตพนัศนิคม ได้กล่าวถึงกองทหารลาวมารับ (หน้า ๒๐) ... เวลาเช้า ๔ โมงเสศออกจากวัดหนองตำลึงไปหยุดพักที่บ้านเชิตพรมแดนพนัศนิคมต่อกับเมืองชลบุรีครู่ ๑ ถึงเมืองพนัศนิคมเวลาเที่ยง ระยะทางแต่หนองตำลึง ๒๕๐ เส้น รวมเบ็ดเสร็จระยะทางระยะทางแต่เมืองชลบุรีถึงเมืองพนัศนิคม ๕๒๐ เส้น มีกรมการแลพวกนายหมวดนายกองลาวกองทหารคอยรับอยู่เป็นอันมาก ...
เมื่อเดินทางเข้ามาในตลาดพนัศนิคม ได้อธิบายถึงกลุ่มผู้ปกครองชาวลาว และชาวบ้านโดยมีการตั้งข้อสังเกตจากสำเนียงการพูด การแต่งกาย (หน้า๒๐ - ๒๑) ... เวลาบ่าย ๔ โมง ไปตลาดเมืองพนัศนิคม ตลาดเป็นโรงแถวเครื่องไม้จริง ตั้งอยู่ ๒ ฟากถนน ๒ สาย ยาวประมาณ ๘ เส้น ดูคฤกครื้นมั่นคง ครื้นมั่นคงกว่าที่คาด เมืองพนัศนิคมนี้แต่เดิมเป็นเมืองจัตวาขึ้นกรุงเทพ เดี๋ยวนี้ลดลงเป็นอำเภอขึ้นเมืองชลบุรี อย่างเดียวกับเมืองบางละมุง ตามเรื่องที่เล่ากันในพื้นเมือง ว่าขุนนางลาวฝั่งขวามีความชอบเมื่อคราวปราบกบฏเวียงจันทร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นที่พระอินทร์รักษา ผู้ว่าราชการเมืองควบคุมสมัครพรรคพวกของตนไป ตั้งอยู่เมืองพนัศนิคม พลเมืองจึงเป็นลาวมากกว่าพวกอื่นจนทุกวันนี้ เป็นลาวพุงขาวอย่างเดียวกับชาวเมืองสระบุรี แต่อยู่ข้างกลายเป็นไทยไปมาก สำเนียงยังเป็นลาวแท้อยู่แต่คนแก่ๆ ที่เป็นกลางคนลงมา แม้ผู้หญิงก็ไม่เห็นนุ่งสิ้น สังเกตไม่ใคร่ง่ายได้ว่าเป็น(ต่อ)เชื้อลาวอย่างสระบุรี ...
จากการลงเรือที่ท่าตะกูด เพื่อจะไปฉเชิงเทรา ได้กล่าวสั้นๆถึงสถานที่วัดบ้านมอญ (หน้า ๒๔ ) ... พระยาภักดีณรงค์ ผู้ว่าราชการเมืองฉเชิงเทรา จัดเรือไฟเล็กอีกลำหนึ่ง ขึ้นไปคอยรับที่วัดบ้านมอญ ...
เมื่อถึงเมืองฉเชิงเทรา ได้กล่าวถึงกรมการจีน รวมถึงการผูกปี้ (หน้า ๒๕ ) ... การผูกปี้จีนเป็นการเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ขัดข้องอย่างใด ในเวลานี้เงินเก็บได้แล้ว ๓๗๙๘๐ บาท เงินท่สำรวจไว้ยังค้างอยู่พียง ๒๔๓๘ บาท เมื่อผูกปี้คราวก่อนพวกกรมการจีนแลจีนผู้ดีในเมืองฉเชียงเทรา ได้ออกเงินช่วยราชการรวมเป็นเงิน ๗๐ ชั่งเสศ ...
พูดถึงความร่วมมือของพ่อค้าจีนและกรมการจีนที่เมืองฉเชิงเทรา (หน้า ๒๖ ) ... ที่เมืองฉเชิงเทรานี้ กรมการจีนแลพ่อค้าจีนมีความสามัคคีต่อราชการมาก ได้เคยช่วยราชการแขงแรงมาหลายคราว เมื่อได้ไปพบปะพวกกรมการแลพ่อค้าจีนคราวนี้ ได้ถามถึงความทุกข์ศุข บอกว่ามีความสุขสบายไม่เดือดร้อนอย่างใด ...
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เข้าสู่ระบบ *