เขียนโดย ธนภาษ เดชพาวุฒิกุล, ณัฐวิทย์ พิมพ์ทอง | วันที่เผยแพร่เอกสาร 01/01/2513
ผู้เข้าชม 3303 | จำนวนดาวน์โหลด 0
คะแนนสื่อ
รายงานการจำแนกเอกสารสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
รายงานการจำแนกเอกสารสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ (กระทรวงมหาดไทย) ที่มีเนื้อหาเรื่องชาติพันธุ์ตามพื้นที่ทางการปกครองทศวรรษ ๒๔๓๐ - ๒๔๕๐
ธนภาษ เดชพาวุฒิกุล
ณัฐวิทย์ พิมพ์ทอง
๒๔๓๐ - ๒๔๕๐
ไทย
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รายงานการจำแนกเอกสารสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ (กระทรวงมหาดไทย)
ที่มีเนื้อหาเรื่องชาติพันธุ์ตามพื้นที่ทางการปกครองทศวรรษ ๒๔๓๐ - ๒๔๕๐
เขียนโดย ธนภาษ เดชพาวุฒิกุล, ณัฐวิทย์ พิมพ์ทอง
จากการสำรวจและรวบรวมเอกสารราชการในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ โดยเริ่มสำรวจและรวบรวมเอกสารของกรมราชเลขาธิการ กระทรวงมหาดไทยเป็นลำดับแรก ผู้วิจัยพบเอกสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ปรากฏอยู่ในเอกสารหมวดเบ็ดเสร็จกระทรวงมหาดไทย หมวดแผนกปกครอง หมวดหนังสือเดินทาง หมวดมณฑลกรุงเก่า และหมวดมณฑลจันทบุรี ซึ่งได้ทำการทำสำเนาทั้งสิ้น ๓๕ ฉบับ หรือ ๑,๖๑๑ หน้า โดยกลุ่มเอกสารที่มีการกล่าวถึงเรื่องชาติพันธุ์มากที่สุด คือ เอกสารที่เกี่ยวกับการตรวจราชการของข้าราชการจากส่วนกลางในพื้นที่ต่างๆ ในช่วงกลางทศวรรษ ๒๔๓๐ - ๒๔๕๐ จำนวน ๒๗ ฉบับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องชาติพันธุ์ปรากฏแทรกอยู่ในเอกสารราชการซึ่งพรรณนาสภาพการปกครองและเหตุการณ์ในพื้นที่ต่างๆ อีกจำนวน ๖ ฉบับ เกี่ยวข้องกับคดีความจำนวน ๑ ฉบับ และที่เกี่ยวกับหนังสือเดินทางและการทางเข้ามาของชาวยุโรปอีก ๑ ฉบับ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
๑. เอกสารที่เกี่ยวกับการตรวจราชการของข้าราชการจากส่วนกลาง ทศวรรษ ๒๔๓๐ - ๒๔๕๐
มณฑลนครราชสีมา เอกสารประเภทบันทึกของข้าราชการจากส่วนกลางที่ได้เดินทางไปตรวจราชการยังพื้นที่ต่างๆ จำนวน ๒๗ ฉบับนั้น ส่วนใหญ่คือการตรวจราชการในมณฑลนครราชสีมาระหว่าง พ.ศ.๒๔๓๖ - ๒๔๕๑ ประกอบด้วยเอกสารจำนวน ๖ ฉบับ เนื้อหาโดยรวมเป็นการตรวจราชการในพื้นที่เมืองนครราชสีมา เมืองบุรีรัมย์ และเมืองไชยภูมิ มีการกล่าวถึงลักษณะการทำมาหากิน ความเป็นอยู่ จำนวนประชากร รวมทั้งกลุ่มคนซึ่งส่วนใหญ่จะระบุว่าเป็นชาวลาว ไทย จีน และเขมร ขณะที่เอกสารบางฉบับกล่าวถึงการอพยพเข้ามาของผู้คนด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความแห้งแล้ง เป็นต้น มณฑลนครสวรรค์ นอกจากนี้ยังพบเอกสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ในพื้นที่อื่น อาทิ การตรวจราชการ ในมณฑลนครสวรรค์ บริเวณด่านแม่สอด พยุหคีรี อ่างทอง อุตรดิตถ์ ลับแล แพร่ และรวมถึงพิษณุโลกระหว่าง พ.ศ.๒๔๓๗ - ๒๔๔๕ พบจำนวนทั้งสิ้น ๓ ฉบับ เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึง การอพยพและการเดินทางไปมาของผู้คนบริเวณด่านชายแดน ที่มีทั้งคนในบังคับต่างชาติ และที่ระบุว่าเป็นคนไทย เงี้ยว กะเหรี่ยง ยางแดง ต้องซู้ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงบ้านร้านตลาดของชาวจีน เงี้ยว พม่า ลาวรวมทั้งการปกครองในท้องถิ่นด้วยกรมการจีนและลาว มณฑลปราจีนบุรี สำหรับมณฑลปราจีนบุรีในบริเวณพื้นที่เมืองชลบุรี พนัสนิคม ศรีมหาโพธิ์ และฉะเชิงเทรา พบเอกสารที่มีเนื้อหาเรื่องชาติพันธุ์จำนวน ๒ ฉบับ กล่าวถึงเหตุการณ์การบริหารงานของกรมการจีนและลาวในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๓ - ๒๔๔๖ ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตถึงความแตกต่างของสำเนียงภาษาและการแต่งกายของคนลาวที่เมืองพนัสนิคม ซึ่งต่างจากคนลาวที่เมืองสระบุรี เอกสารสารราชการกระทรวงมหาดไทยที่กล่าวถึงเรื่องชาติพันธุ์ในบริเวณเมืองพิษณุโลก พิจิตร แพร่ เชียงแสน ลำปาง และที่ระบุว่าเป็นหัวเมืองฝ่ายเหนือ ซึ่งประกอบด้วยเมืองอุทัยธานี และเมืองนครสวรรค์ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๓ - ๒๔๔๖ มีจำนวนรวม ๗ ฉบับ เนื้อหาโดยรวมบรรยายสภาพสังคมเมืองพิษณุโลก เมืองแพร่ และเมืองลำปาง ที่มีห้างร้านจีน ห้างร้านเงี้ยว โรงเรียนฝรั่งอยู่ภายในตัวเมือง ส่วนเมืองลำปาง ได้กล่าวถึงการทำป่าไม้โดยชาวเงี้ยว สำหรับในส่วนของเมืองอุทัยธานี และเมืองนครสวรรค์ ได้มีการแจงจำนวนประชากรของทั้ง ๒ เมืองนี้ว่ามีหลายหมื่นคนประกอบด้วยชาวไทย จีน มอญ ลาว พม่า กะเหรี่ยง แขก ฝรั่ง และญวน มณฑลพายัพ เอกสารกระทรางมหาดไทยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องชาติพันธุ์ในมณฑลพายับ บริเวณเมืองเสียมราฐ และการเดินทางไปยังเมืองพระนคร สูตรนิคม ใน พ.ศ. ๒๔๔๒ มีจำนวน ๑ ฉบับ กล่าวถึงการเข้าไปประกอบกิจการของชาวจีนในเสียมราฐ ซึ่งมีทั้งเป็นนายอากรน้ำ อากรสุรา อากรสุกร และกิจการโทรเลข นอกจากนี้ยังมีการอธิบายลักษณะของโลงศพเขมร ที่มีความแตกต่างจากโลงศพไทย มณฑลราชบุรี เรื่องชาติพันธุ์ในมณฑลราชบุรี บริเวณเมืองกาญจนบุรี สังขะบุรี ทองผาภูมิ และตำบลศรีสวัสดิ์ ใน พ.ศ.๒๔๔๓ มีจำนวน ๑ ฉบับ ผู้เขียนกล่าวถึงประชากรแถบนี้ว่าประกอบด้วยชาวกะเหรี่ยงเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีการแจงประชากรบริเวณตำบลศรีสวัสดิ์ ว่ามีทั้งไทย ละว้า ข่า และจีน นอกจากนี้ยังมีการอธิบายลักษณะการปลูกบ้านของชาวเกรี่ยง ว่ามักจะปลูกในที่สูง มณฑลชุมพร เนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ที่ปรากฏในมณฑลชุมพร แถบคลองท่าทอง ใน พ.ศ.๒๔๔๒ มีจำนวน ๑ ฉบับ กล่าวถึงสภาพสังคมริมคลองซึ่งมีทั้งคนไทย จีน และแขก มณฑลด้านตะวันออก เนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ที่ปรากฏในบริเวณเมืองจันทบุรีและเมืองที่ติดกับเขมรซึ่งประกอบด้วย เมืองปจันตคาม กระบิลบูรี วัฒนานคร อรัญประเทศ ศรีโสภณ ใน พ.ศ.๒๔๔๑ และ พ.ศ.๒๔๓๘ รวม ๒ ฉบับ โดยได้กล่าวถึงการมีกรมการลาวปกครองท้องถิ่น รวมทั้งการมีกิจการไปรษณีย์โทรเลข โดยคนจีน เนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ที่ปรากฏเฉพาะในบริเวณเมืองสมุทรสาคร ซึ่งมีการตรวจราชการใน พ.ศ.๒๔๔๙ และเมืองสุพรรณบุรี บริเวณตัวเมืองและอำเภอสองพี่น้อง ไม่ปรากฏปีที่ตรวจราชการ รวม ๒ ฉบับ โดยกล่าวถึงประชากรเมืองสมุทรสาครที่เป็นมอญจำนวนมาก และการเข้ารีตของชาวยวนในอำเภอสองพี่น้อง ซึ่งถิ่นเดิมอยู่แถวสามเสน นอกกจากนี้ยังมีการบรรยายสภาพสังคมเมืองสุพรรณบุรี ว่ามีแพจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน เมืองปักษ์ใต้และหัวเมืองมลายู สุดท้ายเป็นเอกสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์บริเวณหัวเมืองปักษ์ใต้ เมืองตานี และเมืองเบตง ระหว่าง พ.ศ.๒๔๓๙ - ๒๔๕๐ โดยพบทั้งสิ้นรวม ๓ ฉบับ เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงปัญหาเรื่องการศาลไทยและศาลแขกที่เมืองตานี ความแตกต่างทางวัฒนธรรม การประกอบกิจการร้านค้าโดยแขก จีน และไทย นอกจากนี้ยังกล่าวถึงชาวไทยที่อพยพมายังอำเภอเบตงแต่ยังคงถือปฏิบัติวัฒนธรรมเดิม อาทิ การกินปลาร้า เป็นต้น ๒. เอกสารที่เกี่ยวกับสภาพการปกครองและเหตุการณ์ภายใน ทศวรรษ ๒๔๓๐ - ๒๔๕๐ เอกสารเกี่ยวกับสภาพการปกครองท้องที่และเหตุการณ์ภายใน ส่วนใหญ่จะเป็นการบันทึกเรื่องราวในท้องถิ่นต่างๆ แต่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องชาติพันธุ์ โดยพบเอกสารในกลุ่มนี้จำนวน ๖ ฉบับ กล่าวถึงเรื่องราวในมณฑลกรุงเก่า ๑ ฉบับ และมณฑลจันทบุรี ๕ ฉบับ ดังนี้ เรื่องชาติพันธุ์ที่ปรากฏในระเบียบการประชุมราชการมณฑลกรุงเก่า พ.ศ. ๒๔๓๘ - ๒๔๔๐ ได้กล่าวถึงปัญหาการแบ่งเขตการปกครองในแขวงเมืองพระพุทธบาท ซึ่งหมู่บ้านชาวลาวไม่ยอมรับครัวไทย ๑ หลังคาเรือนให้เข้ารวมอยู่ด้วย เรื่องชาติพันธุ์ที่ปรากฏในมณฑลจันทบุรีระหว่าง พ.ศ.๒๔๔๕ - ๒๔๕๑ มีจำนวน ๕ ฉบับ ประกอบด้วยเรื่องกุลา ไทย ลาว เขมร จีน พม่า กว่าร้อยคน ไปขุดทองที่ซ่องซับพลูโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องการอพยพเข้ามายังเมืองตราด โดยชาวเขมร พม่า กุลา และลาว กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ได้อพยพเข้ามาทำมาหากิน และขุดพลอยบริเวณบ้านทุเรียน บ้านคลองยอ ท้องที่อำเภอศรีบัวทอง แขวงเมืองตราดกว่าสามร้อยคน เรื่องรายงานเมืองประจันตคีรีเขตร์ ใจความว่ามีชาวจีนแจกหนังสือลูกโซ่ เนื้อหาว่าในเดือน ๑๒ มนุษย์และสัตว์จะตายลงครึ่งหนึ่ง เรื่องรายงานเมืองตราด มีชาวพม่ามาอาศัยอยู่ที่เมืองจันทบุรี ซึ่งรู้เห็นกับการคิดต่อต้านอังกฤษของเจ้าเมงกุนเมืองพม่า เรื่องเมืองจันทบุรี ปึกหนึ่ง ใจความว่ามีพม่า เงี้ยว จากเมืองไซ่ง่อนได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองจันทบุรี ๑๑ คน นอกจากนี้ยังมีลาว ๑๐ คนมีอาวุธ เข้ามาอาศัยอยู่ที่อำเภอทุ่งใหญ่ และยังมีรายงานประชาชนหลากหลายกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเขตติดกับเมืองพระตะบอง อาทิ ลาว ชอง เขมร ๓. เอกสารที่เกี่ยวกับคดีความ เอกสารเกี่ยวกับคดีความ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์มีจำนวน ๑ ฉบับ โดยอยู่ในส่วนของหมวดเบ็ดเสร็จกระทรวงมหาดไทย เนื้อหาเป็นคดีความชู้สาวระหว่างภรรยาน้อยผู้ตรวจการกับเจ้าทรายคำ บุตรอุปราชหลวงพระบาง ซึ่งเกิดขึ้นในมณฑลเพชรบูรณ์ ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๔๖ - ๒๔๔๗ โดยเอกสารฉบับนี้ปรากฏการใช้ถ้อยคำที่เหยียดลาว ๔. เอกสารที่เกี่ยวกับหนังสือเดินทาง และการเดินทางเข้ามายังสยาม เอกสารหมวดหนังสือเดินทาง ปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ ๑ ฉบับ ซึ่งเป็นเรื่องราว ใน พ.ศ. ๒๔๔๘ โดยแบ่งเป็น ๔ เรื่องด้วยกันดังนี้ เรื่องที่ ๑ มีการแจ้งไปยังข้าหลวงมณฑลเทศาภิบาล มณฑลนครสวรรค์ ว่ามีชาวลาวจากฝั่งซ้ายข้ามมายังด่านแม่สอดกว่า ๔๐ คน เรื่องที่ ๒ มีการแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศว่า มีชาวขมุในบังคับฝรั่งเศส ได้เดินทางผ่านมายังเมืองน่าน เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองหลวงพระบาง เรื่องที่ ๓ ขุนแพทยาสาตร์ แจ้งมาว่าได้ปลอมตัวติดตามมองซิเออร์เฮอรอง ที่เดินทางไปยัง เมืองหนองคาย โดยได้พบกับพ่อค้าจีนและชาวบ้านซึ่งเป็นคนลาวระหว่างทาง เรื่องที่ ๔ ขุนศรี และท้าวพินสอน สมุห์บัญชีอำเภอเมืองขอนแก่น ปลอมตัวสืบราชการ การเดินทางของมองซิเออร์เฮอรอง โดยได้รายงานว่ามีการสนทนากับพ่อค้าชาวจีน เกี่ยวกับการซื้อสินค้าจากถิ่นอื่นมาขาย จากที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงเอกสารส่วนหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ในเอกสารกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผู้วิจัยและผู้ช่วยได้ทำการจัดทำสำเนาและส่งมอบแก่ทางโครงการฯ เสร็จสิ้นเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๒ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลต่อไป อย่างไรก็ตาม ควรกล่าวว่ายังมีเอกสารที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องชาติพันธุ์ในช่วงยุคการปฏิรูปการเมืองการปกครองจนถึงก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งในกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการสืบค้น ซึ่งจะช่วยเติมเต็มภาพของสภาวะการธำรงชาติพันธุ์และปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐไทยช่วงก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ปฏิเสธได้ยากว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้เวลาในการรวบรวม และงบประมาณในการจัดทำสำเนา หากแต่ผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยเชื่อว่าเอกสารเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างสูงทั้งต่อนักวิจัยและบุคคลทั่วไปที่สนใจสืบสาวเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ในสังคมไทย กล่าวได้ว่าความรู้ดังกล่าวอาจช่วยส่งเสริมความเข้าใจระหว่างผู้คนในสังคมไทยได้ไม่มากก็น้อย
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เข้าสู่ระบบ *