avana LLC

ผีกองกอย

ที่มา : หนังสือนิทานพื้นบ้านเมืองเลย

คำสำคัญ :

ผี , ผีกองก่อย

คำศัพท์เฉพาะ :

ลอบ คือ อุปกรณ์หาปลาชนิดหนึ่ง

เนื้อเรื่อง

      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องอยู่สองคน มีอาชีพทำนา เมื่อหน้าแล้งมาเยือน ก็ทำนาไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายจึงได้ไปหาปลาในห้วย ซึ่งอยู่ไกลออกไป ทุกๆ เช้าเขาจะไปกู้ลอบที่ดักปลาไว้  วันหนึ่งเขาไปกู้ลอบตามปกติ แต่ปรากฏว่า ไม่มีปลาเลยสักตัว ซึ่งปกติแล้ว จะต้องมีปลาติดอยู่ตัวหรือสองตัว เขาคิดว่าจะต้องมีคนมาขโมยปลาเขาแน่ๆ คิดดังนั้นเขาจึงเดินสำรวจบริเวณรอบๆ แล้วเขาก็พบรอยคนเท้าเล็กๆ ซึ่งไม่น่าจะยาวเกิน 3 นิ้ว “ในโลกนี้คือสิมีคนตีนน้อยแนวนี้” เขาคิดในใจ “ถ้าเป็นตีนเด็กน้อย ขนาดนี้ก็ยังย่าง(เดิน)บ่ทันเป็น” คิดแล้วเขาก็เอาลอบลงน้ำตามเดิม        

       วันรุ่งขึ้น ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มันทำให้เขาโมโห และคิดว่าต้องจับให้ได้ว่าใครเป็นคนขโมย คิดดังนั้น เขาจึงไปแอบคอยดักดูอยู่พุ่มไม้ใกล้ๆกับลอบดักปลาทั้งคืน เขาอดตาหลับขับตานอน หลับๆตื่นๆ จนเวลาล่วงมาใกล้รุ่งสาง เขาก็ได้ยินเสียง คล้ายกับคนเดินมาเบาๆ แล้วเขาก็ได้เห็น ผีกองกอยยืนอยู่ริมตลิ่ง มันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาวเหมือนแม่มด ไม่สวมเสื้อผ้า ยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้า และทำท่ากำลังจะขโมยปลาของเขา ความโกรธทำให้เขาลืมตัว บันดาลโทสะออกไป  

       “กูสิสับมึงให้แหลกปานลาบพู้นล่ะ อีขี่ลัก”

        เขาตะโกนออกไปพร้อมกับกระโจนออกจากที่ซ่อน ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแรงมากแต่ก็ไม่สามารถจับตัวผีกองก่อยได้ ในที่สุด เขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ถูกผีกองกอยจับตัวไปขังไว้ที่ถ้ำของมัน พร้อมกับบังคับให้เขาเป็นผัว และทุกครั้งที่ผีกองกอยออกไปหากิน มันจะเอาหินก้อนใหญ่มาปิดปากถ้ำไว้

         หนึ่งปีผ่านไป เขาก็มีลูกชายกับผีกองกอย 1 คน เขามีหน้าที่เลี้ยงลูกยามที่ผีกองกอยไม่อยู่ และเขาต้องอยู่แบบนี้นานถึง 3 ปี อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายของเขาได้พยายามดันก้อนหินออกจากหน้าถ้ำ ด้วยพละกำลังที่ได้มาจากแม่ผู้เป็นผีกองกอย ทำให้เด็กน้อยสามารถเปิดปากถ้ำให้ผู้เป็นพ่อ หลบหนีออกไปได้ พอปากถ้ำเปิด เขาก็รีบวิ่งกลับบ้านอย่างสุดชีวิต ถึงเขาจะวิ่งได้เร็วแค่ไหน แต่ก็ยังช้ากว่าผีกองกอย

         ทันทีที่ผีกองกอยรู้ว่าเขาหนีไป มันก็รีบวิ่งตามมาติดๆ  เขาวิ่งจะถึงหมู่บ้านอยู่แล้ว ช้าไปเสียแล้ว ผีกองกอยวิ่งตามเขาทัน เมื่อรู้ตัวว่าไม่พ้นเงื้อมมือมัน เขาจึงรีบล้มตัวลงนอน แกล้งตายอยู่ตรงนั้น เมื่อผีกองกอยมาถึงตัวเขา มันก็เดินวนรอบตัวเขา พร้อมกับเอามือจี้เอวเขาดู เขาเป็นคนที่มีความอดทน ไม่บ้าจี้ จึงนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น พร้อมกันนั้นเขาก็ค่อยๆผายลมออกมาอย่างแผ่วเบา กลิ่นเหม็นจากตดของเขาตลบอบอวนไปทั่ว ผีกองกอยเห็นดังนั้นก็ร้องไห้เศร้าโศกเสียใจด้วยความอาลัยรัก เมื่อมั่นใจแน่ว่าเขาตายแล้วจริงๆ  มันจึงเอาฆ้องวิเศษให้เขา 1 อัน พร้อมกับบอกว่า

         “เมื่อเจ้าต้องการหยัง ก็ให้ตีฆ้องเทื่อหนึ่ง”

          พอผีกองกอยลับตาไปแล้วชายหนุ่มก็กลับเข้าบ้าน กลับมาแล้วความเป็นอยู่ของเขาก็ดีขึ้น เพราะว่าอยากได้อะไรก็แค่ตีฆ้องวิเศษ เมื่อน้องชายเห็นดังนั้นก็อยากได้บ้าง จึงได้ถามว่า เขาได้มันมายังไง และหายไปไหนมาตั้ง 3 ปี เขาจึงเล่าให้น้องชายฟังอย่างละเอียด เมื่อน้องชายเขาฟังจบก็พูดว่า “ข้อยก็อยากรวยคือกัน”  เมื่อน้องชายเขาคิดดังนี้แล้วจึงได้ออกไปหาผีกองกอยให้ผีก่องกอยจับตัวไป แล้วก็หนี่กลับมา แต่เขาโชคไม่ดีเหมือนพี่ชายเขาเพราะ เขาไม่สามารถอดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้ ตอนที่เขาโดนผีก่องกอยจี้ที่เอวนั้นเขาก็หัวเราะชักดิ้นชักงอ ผีกองกอยจึงรู้ว่าเขาไม่ได้ตาย มันจึงเอามือจก(ล้วง)กินตับไตใส้พุงของเขาจนหมดเกลี้ยง
 

คติสอนใจ

โลภมากลาภหาย

ความสัมพันธ์ระหว่างนิทานกับสิ่งอื่น

ความเชื่อเรื่องผีกองกอยของคนอีสาน