เอกสารอ้างอิง
จักรี โพธิมณี. (2562). การสำรวจและศึกษาพลวัตทางสังคมและวัฒนธรรมชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง กรณีศึกษา ชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ภาษาไทย
ภาษาอังกฤษ
สัมภาษณ์
จังหวัด | อำเภอ | ตำบล | หมู่บ้าน | จำนวนครัวเรือน | จำนวนประชากร | ละติจูด | ลองติจูด |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ตาก | แม่สอด | พระธาตุผาแดง | บ้านพะเด๊ะ | 915 | 16.676306 | 98.628529 |
ชาวกะเหรี่ยงเป็นประชากรชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ของจังหวัดตาก ซึ่งเป็นจังหวัดมีเนื้อที่ตั้งอยู่บนทิวเขาถนนธงชัย ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง พื้นที่ราบจำนวนน้อย มีชุมชนชาติพันธุ์อาศัยกระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอ จักรี โพธิมณี (2562, น.5) อธิบายว่า จากข้อมูลการสำรวจเชิงประชากรชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง ทำเนียบชุมชนบนพื้นที่สูงของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พบว่ากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (as an ethnic category) เป็นกลุ่มที่การกระจายตัวของชุมชนมากที่สุด ที่ได้รับการสำรวจจากทางราชการ มีจำนวนกว่า 150,000 คน มีชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (ทั้งชาวปากะญอ/ปะกาเกอะญอ และโผล่ว/โปว์) จำนวน 420 กลุ่มบ้าน/ชุมชน มีครัวเรือนของชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดตาก ประมาณ 28,943 หลังคาเรือน เฉพาะอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอาศัยอยู่ใน 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลแม่กุ ตำบลด่านแม่ละเมา ตำบลมหาวัน ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลพะวอ และตำบลท่าสายลวด ในจำนวนนี้ตำบลพะวอมีกลุ่มบ้าน/ชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมากที่สุด ส่วนตำบลท่าสายลวด สันนิษฐานว่า ชาวกะเหรี่ยงที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานจำนวนมากเป็นผู้พลัดถิ่นจากภัยสงครามความไม่สงบในพม่าเมื่อไม่กี่ทศวรรษก่อนหน้านี้ แล้วจึงเข้ามาตั้งถิ่นฐานถาวรบริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเมย ประเทศไทย อย่างไรก็ตามชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงนั้นอาศัยอยู่บริเวณสองฝั่งแม่น้ำเมยชายแดนไทย-เมียนมา หลายครอบครัว มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกันชุมชนกะเหรี่ยงอื่น ๆ ในอำเภอแม่สอด อำเภอพบพระ อำเภออุ้มผาง และอำเภออื่น ๆ ในจังหวัดตาก (จักรี โพธิมณี 2562, น.4)
ชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านพะเด๊ะ ตั้งอยู่เชิงเขาดอยผาแดง ห่างจากถนนทางหลวงหมายเลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง ทางด้านทิศตะวันตกของชุมชน ระยะทางประมาณ 2.5–3 กิโลเมตร ห่างจากโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สอด ในรัศมี 3.5 กิโลเมตร ชุมชนตั้งอยู่ห่างจากเหมืองผาแดงและน้ำตกผาแดงในรัศมีประมาณ 4 กิโลเมตร (จักรี โพธิมณี 2562, น. 25)
ชุมชนพะเด๊ะ ตั้งอยู่ห่างจากชุมชนถ้ำเสื้อ ซึ่งเป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่อยู่ใกล้แหล่งสัมปทานแร่สังกะสีเหมืองผาแดงที่สุด ด้วยระยะทางรถยนต์ประมาณ 10 กิโลเมตร และตั้งอยู่ห่างจากชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงขุนห้วยแม่สอด ระยะทางรถยนต์ประมาณ 12 กิโลเมตร (จักรี โพธิมณี 2562, น.25)
ชุมชนพะเด๊ะตั้งอยู่บนทำเลที่เหมาะแก่การทำข้าวไร่และเกษตรกรรมอื่น ๆ ด้านทิศใต้ของมีคลองแม่ตาว ไหลผ่านทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีคลองแม่สอดและทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีคลองแม่ตาวแง่ซ้ายไหลผ่าน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งน้ำทางธรรมชาติที่สำคัญของชุมชนพะเด๊ะและครัวเรือนในละแวกนั้น (จักรี โพธิมณี 2562, น.25)
แสดงการกระจายตัวของบ้านเรือนในชุมชนพะเด๊ะ
(ที่มา: จักรี โพธิมณี 2562, น.26)
จากภาพที่ 1 บริเวณหมุดแสดงตำแหน่งสีแดง คือ จุดอ้างอิงศูนย์กลางของชุมชนพะเด๊ะ คือ "โคะ" ดั้งเดิมของกลุ่มบ้าน ตั้งอยู่บนเนินสูงกลางชุมชน บ้านเรือนในระยะแรกตั้งกระจายอยู่รอบโคะ ปัจจุบันมีการขยายตัวของครัวเรือนออกไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บริเวณวัดนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นวัดในคริสตศาสนา (คาธอลิก) และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีเนื้อที่สำหรับการทำเกษตรกรรมของคนในชุมชนและชุมชนมีเนื้อที่ป่าสงวนแห่งชาติ ชื่อว่า ป่าชุมชนพะเด๊ะ จำนวน 860 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา ทั้งนี้มีการขึ้นทะเบียนป่าชุมชนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษาคม ปี 2560 และมีระยะเวลาสิ้นสุดปี 2570 (กรมป่าไม้, 2562 อ้างถึงใน จักรี โพธิมณี, 2562, น.26)
ตามคำบอกเล่าของคนในชุมชน กล่าวว่า แม่ของพะเด๊ะ ผู้นำคนแรกของกลุ่มบ้านเมีเชื้อสายกะเหรี่ยง ส่วนพ่อมีเชื้อสายมอญแต่ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วพะเด๊ะเดินทางมาจากไหน ผู้นำหมู่บ้านของคนที่นี่ในสมัยก่อนเป็นทั้งผู้นำกลุ่มและผู้นำทางจิตวิญญาณ จากคำบอกเล่าสันนิษฐานว่า บ้านพะเด๊ะตั้งขึ้นเมื่อปี 2434 บริเวณชายเขาผาแดง หรือ ดอยผาแดง คนในชุมชนพะเด๊ะเรียก บริเวณผาแดงนี้ว่า "เลหว่อ" กลุ่มครัวเรือนของชาวกะเหรี่ยงกลุ่มแรกว่าได้ย้ายขึ้นมาจากบริเวณที่เป็นเมืองแม่สอดในปัจจุบัน เพื่อหลีกหนีผู้คนมากหน้าหลายตาและเสาะหาที่ดินทำกินใหม่ มีผู้นำกลุ่มบ้านสืบต่อกันมาอีก 3 คน ก่อนที่ทางการจะเริ่มปรับปรุงระบบการปกครองในอำเภอแม่สอดราวปี พ.ศ. 2505 โดยมีการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านเข้ามาดูแลขึ้นอยู่กับพื้นที่ตำบลแม่ตาว ปัจจุบันการเดินทางระหว่างชุมชนพะเด๊ะ ตำบลพระธาตุผาแดง ไปยังเทศบาลนครแม่สอดนั้นสะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางโดยพาหนะโดยประมาณ 20 นาที (จักรี โพธิมณี 2562, น.28)
ชุมชนพะเด๊ะ เป็นชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับการพัฒนาด้านการศึกษามากว่า 60 ปี ในชุมชนมีโรงเรียนบ้านพะเด๊ะที่สอนถึง ม.3 เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา มีนักเรียนจากบ้านถ้ำเสือ บ้านขุนห้วยแม่สอด ซึ่งเป็นชุมชนปะกาเกอะญอและชุมชนอื่น ๆ เดินทางมาเรียนที่โรงเรียนบ้านพะเด๊ะ ขึ้นอยู่กับสำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต 2 จังหวัดตาก โรงเรียนแห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2502 อาคารชั่วคาวหลังแรก 1 หลังถูกสร้าง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในหมู่บ้าน ต่อมาเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์บ้านพะเด๊ะ) ในขณะนั้นมีนักเรียนเข้าเรียนประมาณ 30 คน มีนายจรัญ ยศแก้ว เป็นครูใหญ่คนแรก นายธนู แสนคำ เป็นครูใหญ่คนที่ 2 นายประสงค์ คฤหมาน เป็นครูใหญ่คนที่ 3 การเรียนการสอนในช่วงแรก ๆ มีครูเพียงคนเดียว เป็นคนไทยในตำบลเดียวกัน แต่ต้องเดินทางมาสอนในชุมชน สมัยก่อนไม่ได้สอนหนังสือตามหลักสูตรแกนกลาง เน้นให้อ่านออกเขียนได้ นั่นคือ เน้นการสอนวิชาภาษาไทย (จักรี โพธิมณี 2562, น.28)
โรงเรียนบ้านพะเด๊ะได้รับการสนับสนุนโดยชุมชนทั้งด้านความร่วมมือและการบริจาคที่ดินส่วนตัว รวมไปถึงการได้รับความช่วยเหลือจากนิสิตนักศึกษาที่เข้ามาทำค่ายอาสาฯ บริษัทเอกชนในพื้นที่ เช่น บริษัทผาแดง อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาพัฒนาโรงเรียนบ้านพะเด๊ะ นอกจากนี้ โรงเรียนบ้านพะเด๊ะยังได้พัฒนาโรงเรียนตามแนวโครงการพระราชดำริ โดยตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยมและติดตามงานโรงเรียนในโครงการฯ อยู่หลายครั้ง นอกจากนี้คณะครูและชาวบ้านในชุมชนยังมีโอกาสได้รับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ อยู่เป็นประจำ เนื่องจากพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังเหมืองผาแดง ตำบลพระธาตุผาแดงเพื่อติดตามโครงการในพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง (จักรี โพธิมณี 2562, น.28)
ในหมู่บ้านพะเด๊ะ "โคะ" หรือ เจดีย์ทรายถือว่าเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของชุมชนอีกด้วย เนื่องจากเป็นหมุดหมายของการเลือกทำเลที่ในอดีตเป็นหลักฐานของชุมชนที่มีอายุเก่าแก่ ชาวกะเหรี่ยงเมื่อตั้งหมู่บ้านจะมีโคะทรายบริเวณสำคัญของหมู่บ้าน เช่น เนินสูงกลางหมู่บ้าน หรือ ใกล้ต้นไม้ใหญ่ (ต้นโพธิ์) เชื่อกันว่า "มีความศักดิ์สิทธิ์ ดูแลหมู่บ้าน เป็นเหมือนเทพ", สัมภาษณ์, 23 มกราคม 2561 อ้างถึงใน จักรี โพธิมณี, 2562, น.29)