คำศัพท์

Biocultural Anthropology

        มานุษยวิทยาชีววัฒนธรรม เป็นการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ที่ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับลักษณะทางชีววิทยาของมนุษย์ ซึ่งนักมานุษยวิทยากายภาพมักจะศึกษาในมิติดังกล่าว โดยเชื่อว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต่างกันส่งผลต่อการสร้างวัฒนธรรมที่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีเรื่องเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ก็ถูกตั้งคำถามในเวลาต่อมาว่าเป็นทัศนะคติแบบตะวันตกที่พยายามแบ่งแยกมนุษย์ออกจากกันตามสีผิวและความเจริญทางสังคม  การศึกษามานุษยวิทยาชีววัฒนธรรมในระยะหลังจึงหันไปศึกษามิติวัฒนธรรมมากขึ้น โดยมองว่าวัฒนธรรมคือเครื่องมือที่ทำให้มนุษย์ปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศวิทยา วัฒนธรรมทำให้มนุษย์เรียนรู้สิ่งต่างๆ เช่น มีความคิดต่อตนเองและคนอื่น มีการแสดงออกทางพฤติกรรม อารมณ์ และความรู้สึก

          ทฤษฎีการปรับตัว อธิบายว่ามนุษย์จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งในส่วนของร่างกายและพฤติกรรมทางสังคม แต่การปรับตัวหมายถึงอะไร  นักวิชาการบางคนเชื่อว่าการปรับตัวทำให้มนุษย์อยู่รอด  แต่บางคนโต้แย้งว่าการปรับตัวไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในแง่บวกเสมอไป เพราะพฤติกรรม หรือสภาพร่างกายของมนุษย์ขึ้นอยู่กับโครงสร้างหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ  พฤติกรรมจึงเป็นเรื่องของบุคคล ซึ่งอาจอธิบายได้ตามทฤษฎีของดาร์วินเท่านั้น   นอกจากนั้นทฤษฎีการปรับตัวยังเชื่อมั่นในความสมดุลและสอดคล้อง เพื่ออธิบายว่ามนุษย์กับธรรมชาติดำรงอยู่ด้วยกันได้อย่างไร

          นักมานุษยวิทยาบางคนไม่เชื่อสภาพความสมดุลดังกล่าว และตั้งคำถามว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีนั้นคืออะไร  พวกที่โต้แย้งนี้เชื่อว่าการปรับตัวเป็นเรื่องของวัฒนธรรม โดยเฉพาะในสังคมที่มีความขัดแย้ง หรือมีพวกที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ   ดังนั้นการอธิบายด้วยกรอบนิเวศวิทยาแบบดาร์วินอาจมิใช่คำตอบเดียว เพราะสภาพแวดล้อมมิได้หมายถึงธรรมชาติเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงสังคม วัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ   การศึกษาชีววิทยาทางวัฒนธรรมจึงควรเป็นการศึกษาจากสภาพแวดล้อมทุกประเภท ซึ่งมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยเงื่อนไขที่ซับซ้อน  วัฒนธรรมกับชีววิทยาจึงแยกจากกันไม่ได้

          ตัวอย่างการศึกษาของแคธรีน เอ เด็ทไวเลอร์ ศึกษาชาวมาลีในแอฟริกาตะวันตก อธิบายว่าความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางสังคมวัฒนธรรมในมาลีมีผลต่อการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก  เด็ทไวเลอร์ใช้กรอบความคิดของมานุษยวิทยาการแพทย์อธิบายสภาพแวดล้อมทางนิเวศน์ พร้อมๆกับใช้ข้อมูลสถิติทางชีววิทยา เช่น การวัดขนาดร่างกาย การตาย อาการของโรค เป็นต้น  เธออธิบายเงื่อนไขของความเชื่อทางวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลี้ยงดูเด็ก  ข้อค้นพบของเด็ทไวเลอร์คือลักษณะทางร่างกายและสุขภาพของเด็กในมาลีไม่ได้เป็นผลมาจากความยากจน เพราะเด็กที่ยากจนบางคนมีร่างกายที่แข็งแรง แต่เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยบางคนกลับมีร่างกายที่อ่อนแอ  เธอเชื่อว่าการเลี้ยงดูเด็กไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจ หากแต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายประการทั้งปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และชีววิทยา

          การศึกษาของเด็ทไวเลอร์ใช้ข้อมูลทางสถิติ ชีววิทยา และสังคมวัฒนธรรม ประกอบกัน  และทำให้เข้าใจว่าสภาพชีวิตของเด็กในมาลีมีลักษณะที่แตกต่างกัน  และเงื่อนไขของความยากจนก็มิใช่คำตอบ หากแต่ยังมีเรื่องอื่นๆที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ประเภทของอาหาร การเลี้ยงดู สภาพครอบครัว เป็นต้น  เด็ทไวเลอร์เสนอว่าปัญหาสุขภาพและโภชนาการในประเทศมาลีนั้นซับซ้อน  แต่การอธิบายปัญหาเหล่านี้ไม่ควรให้คำตอบเดียว 

          ในกรณีการศึกษาของโทมัสและลีเธอร์แมน เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมกับครัวเรือน โดยสังเกตการปรับพฤติกรรมของบุคคลให้เป็นไปตามค่านิยมของสังคม  โทมัสกล่าวว่าปัญหาต่างๆในประเทศกำลังพัฒนาควรจะมีการศึกษาและเก็บข้อมูลตั้งแต่ระดับครัวเรือนและบุคคล เพื่อที่จะทำความเข้าใจว่าครัวเรือนและบุคคลตอบสนองต่อสังคมระดับชาติอย่างไร   โทมัสศึกษาอาการเจ็บป่วยของชาวนูโน และดูผลกระทบต่อฐานะสังคม เศรษฐกิจ  คำถามสำคัญคือ การเจ็บป่วยมีผลกระทบต่อครอบครัวหรือไม่ และ คนป่วยจะได้รับการปฏิเสธจากสังคมหรือไม่ หรือ คนป่วยจะยอมแพ้สังคมหรือไม่  โทมัสเก็บข้อมูลในตลาดซึ่งมีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรที่จำเป็น  การจัดการทรัพยากรเหล่านี้ก่อให้เกิดเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็ง ซึ่งรวบรวมสมาชิกจากครอบครัวต่างๆมาไว้ด้วยกัน  โทมัสอธิบายว่าในสังคมของนูโน หากมีสมาชิกเจ็บป่วยก็จะทำให้เครือข่ายนี้อ่อนแอ และทำให้ครอบครัวขาดกำลังแรงงาน โดยเฉพาะในครอบครัวที่ยากจน เมื่อคนในครอบครัวป่วย การทำงานก็หยุดชะงัก การหาทรัพยากรมาเลี้ยงครอบครัวก็ทำไม่ได้

          ในกรณีการศึกษาของลาร์เซ็นและคณะในชนเผ่าพื้นเมือง บริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมริกา เป็นการศึกษาการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป โดยใช้กรอบทฤษฎีทางชีววิทยา ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ และโบราณคดีมาอธิบายปรากฏการณ์  คำถามสำคัญคือ การเข้ามาของชาวยุโรปส่งผลกระทบต่อชาวพื้นเมืองในเรื่องชีววิทยา สังคม และวัฒนธรรมอย่างไร   ลาร์เซ็นได้ศึกษาพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของการเพาะปลูก โดยเปรียบเทียบโครงกระดูกมนุษย์ในช่วงก่อนการเข้ามาของชาวยุโรปกับช่วงที่ชาวยุโรปเข้ามาแล้ว  พบว่าคนพื้นเมืองมีการปรับตัวและวิธีการเพาะปลูกตามความคิดของชาวยุโรป   เช่น ในเขตซานต้า แคทาลีน่า ชาวพื้นเมืองมีการเพาะปลูกที่ก้าวหน้ากว่า และฐานะดีกว่าเขตอื่นๆ  นอกจากนั้น ชาวยุโรปยังทำให้ชาวพื้นเมืองปรับเปลี่ยนวิธีการตั้งถิ่นฐาน การทำมาหากิน การทำงาน และการบริโภค

          ชาวสเปน ทำให้ชาวพื้นเมืองพบกับความเดือดร้อน เพราะตกเป็นแรงงานทาส ถูกทำร้ายร่างกาย และถูกเชื้อโรคชนิดใหม่คุกคาม  การทำให้ชาวพื้นเมืองเหล่านี้รู้จักความเจริญแบบตะวันตกจึงเป็นการทำลาย  ลาร์เซ็นกล่าวว่ากระบวนการปรับตัวและติดต่อสัมพันธ์ในหมู่ชาวพื้นเมืองกับคนนอก เกิดขึ้นในช่วงคน 6 รุ่น  การปรับตัวบางอย่างอาจประสบความสำเร็จ บางอย่างอาจล้มเหลว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

          อาจกล่าวได้ว่า  มานุษยวิทยาชีววัฒนธรรมอาศัยความรู้แบบสหสาขาวิชา  โดยเฉพาะการทำความเข้าในประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของมนุษย์  ถ้าใช้ความรู้ทางชีววิทยาเพียงอย่างเดียว อาจทำให้มองไม่เห็นเงื่อนไขส่วนบุคคล  และอาจไม่เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และพฤติกรรมนั้นสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกาย และการเจ็บป่วยอย่างไร   อย่างไรก็ตามยังคงมีข้อถกเถียงและความขัดแย้งระหว่างการศึกษาเชิงวัฒนธรรมกับเชิงชีววิทยา ซึ่งนักมานุษยวิทยาสายวัฒนธรรมมองว่าความรู้วิทยาศาสตร์ไม่เหมาะสมที่จะนำมาศึกษามนุษย์ ทำให้เกิดการแยกความรู้แบบวิทยาศาสตร์และความรู้วัฒนธรรมออกจากกัน


ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

เอกสารอ้างอิง:

Bindon, James R. 2007. "Biocultural linkages — cultural consensus, cultural consonance, and human biological research". Collegium Antropologicum 31 (1): 3–10.

Crooks, Deborah L. 1996. “Biocultural Anthropology” in Daivd Levinson and Melvin Ember (ed.) Encyclopedia of Cultural Anthropology. Henry Holt and Company, New York. Pp.130-133

Goodman, Alan H.; Thomas L. Leatherman (eds.) 1998. Building A New Biocultural Synthesis. Chicago: University of Michigan Press.         

Hruschka, Daniel J.; Lende, Daniel H.; Worthman, Carol M. 2005. "Biocultural dialogues: Biology and culture in Psychological Anthropology". Ethos 33: 1–19.

Khongsdier, R. 2007. "Biocultural approach: The essence of anthropological study in the 21st century". Anthropologist (Special Volume) 3: 39–50.


หัวเรื่องอิสระ: มานุษยวิทยาชีววัฒนธรรม