คำศัพท์

Prison

          การศึกษาเรื่องวัฒนธรรมการจองจำ และคุมขังในทางมานุษยวิทยา โดย เอิอร์วิ่ง กอฟฟ์แมน ซึ่งอธิบายว่าคุก คือที่อยู่ที่แยกคนออกจากกัน มันเป็นบ้านสำหรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อคนที่เปลี่ยนแปลง  กระบวนการจองจำ หรือคุมขังด้วยอำนาจ เป็นการบุกรุกมนุษย์ในเรื่องพื้นที่ เวลาและความเป็นส่วนตัว  คุกจึงสะท้อนวัฒนธรรมของการโหยหาอิสรภาพ และความเป็นปัจเจกนิยมโดยใช้การควบคุม และกฏระเบียบเป็นเครื่องมือ   แต่การวิจัยในเรื่องนี้ยังคงมีคำอธิบายอื่นๆที่ยังคงรอการตีความ และยังมีคำถามอื่นที่ต้องพิจารณา เช่น เจ้าหน้าที่คุมขัง กับผู้ถูกคุมขังหรือนักโทษ มีวัฒนธรรมอย่างไร และลักษณะของการคุมขัง กักขัง หน่วงเหนี่ยวมีความหมายอย่างไร  และในแต่ละวัฒนธรรม ความหมายของการคุมขังต่างกันอย่างไร

          อย่างไรก็ตามการศึกษาทางมานุษยวิทยาในเรื่องนี้ยังมีไม่มากนัก เนื่องจากธรรมชาติของการคุมขังไม่เอื้อำนวยให้มีการวิจัยเท่าใดนัก  นักมานุษยวิทยาที่เก็บข้อมูลนักโทษต้องระมัดระวังตัวหลายอย่าง และอยู่ในสภาวะเสี่ยงในความปลอดภัย  นักมานุษยวิทยาบางคนเชื่อว่าคุกคือการจองจำ เช่นการศึกษาของ Cardozo-Freeman (1984) อธิบายว่าการจองจำนักโทษก็เหมือนการกดขี่เพศหญิง  การศึกษาของ Theodore R. Davidson (1983) ศึกษาคุกในชิคาโน่ และพบว่านักโทษมีชีวิตอยู่รอดได้ด้วยเครือข่ายเศรษฐกิจแบบลับๆ 

          การศึกษาอื่นๆยังอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของนักโทษในคุกที่มาจากต่างเผ่าพันธุ์เชื้อชาติ แต่อาศัยอยู่ร่วมกันช่วยเหลือกันเพื่อที่จะหนีไปจากการจองจำ  นักโทษบางกลุ่มมีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อแสดงออกความเป็นตัวเอง เพื่อแยกว่าตนต่างกับคนอื่นอย่างไร  การศึกษาในเรื่องบทบาทางเพศของ Coggeshall (1991)อธิบายว่าคุกที่เป็นพื้นที่ทางสังคมที่นักโทษพยายามจำลองความแตกต่างทางเพศระหว่างชายหญิง โดยเฉพาะคุกที่คุมขังนักโทษหญิงอย่างเดียว   การศึกษาคุกของนักโทษหญิงยังทำให้มีการตรวจสอบสมมุติฐานต่างๆเกี่ยวกับบทบาททางเพศ พฤติกรรมทางเพศ และความรุนแรงทางเพศ   นอกจากนั้นนักโทษหญิงมักจะมีความสัมพันธ์กับเครือญาติของตนขณะที่อยู่ในคุก

          ส่วนคุกของนักโทษชาย  นักโทษชายจะมีการต่อสู้แข่งขันกันรุนแรง  การศึกษาของ Mark Fleisher(1989) อธิบายว่าวัฒนธรรมคุก เป็นเรื่องของผู้คุมอำนาจ ผู้คุมในเรือนจำจะมีบทบาทสูงในการจัดการกับนักโทษและวางกฏระเบียบต่างๆ ผู้คุมจึงอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดมาก  คุกจึงเป็นแบบจำลองของระบบการปกครองของสังคมที่ต้องการควบคุมมนุษย์ และระงับความรุนแรงต่างๆ แต่คุกขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเป็นสำคัญ  นักโทษจะถูกควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจในสภาพแวดล้อมของระเบียบที่เคร่งครัด   ในแง่นี้ การศึกษาคุกจึงเป็นการตรวจสอบระบบศีลธรรมที่เปราะบาง  นักมานุษยวิทยาที่เข้าไปศึกษาคุกต้องสัมภาษณ์นักโทษและเจ้าหน้าที่เรือนจำ แต่ข้อมูลที่ได้มาอาจไม่ตรงกับความจริง เพราะนักโทษและเจ้าหน้าที่อาจปกปิด

          การศึกษาวิจัยในคุกจึงมีจำกัดหลายประการ นักมานุษยวิทยาวางตัวลำบาก  การศึกษาคุกในวัฒนธรรมต่างๆอาจทำให้เห็นความแตกต่างของความหมายของคุก หรือเปรียบเทียบคุกกับสถานที่บางแห่งที่มีกลุ่มคนอาศัยอยู่และต้องมีกฏเกณฑ์ร่วมกัน เช่น ค่ายทหาร สำนักสงฆ์ โรงพยาบาล สถานดูแลพักฟื้น เป็นต้น  การวิจัยเรื่องคุกอาจทำให้เข้าใจเรื่องบทบาททางเพศ สถานะทางสังคมของชายและหญิง  อาจทำให้เข้าใจระบบคุณค่า และการแสวงหาอัตลักษณ์ของบุคคล  และอาจทำให้ค้นพบหนทางใหม่ๆในเชิงนโยบายสำหรับการลงโทษและคุมขังนักโทษ

          คุกจึงเป็นพื้นที่ที่ท้าทายในการศึกษา และการทำความเข้าใจข้อจำกัดของมนุษย์ในมิติเวลา สถานที่ คุณค่าทางศีลธรรม การปฏิบัติทางสังคม และกฏระเบียบต่างๆ  คุกจึงเป็นหลักฐานที่สำคัญทางวัฒนธรรมที่จะทำให้เข้าใจสภาพแวดล้อมที่มนุษย์ที่กดขี่ข่มเหง


ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

เอกสารอ้างอิง:

Andrzejewski, Anna Vemer (2008). Building Power: Architecture and Surveillance in Victorian America. University of Tennessee Press

Foucault, Michel (1995). Discipline & Punish: The Birth of the Prison. Vintage Books

John M. Coggeshall in David Levinson and Melvin Ember (eds.) 1996. Encyclopedia of Cultural Anthropology. Henry Holt and Company. New York. Pp.1032-1033.

Roth, Michael P. (2006). Prisons and Prison Systems: A Global Encyclopedia. Greenwood Publishing

Spierenburg, Peter (1998). "The Body and The State: Early Modern Europe". In Morris, Norval & Rothman, David J. The Oxford History of the Prison: the Practice of Punishment in Western Society. Oxford University Press.

Welch, Michael (2004). "A Social History of Punishment and Corrections". Corrections: A Critical Approach. McGraw-Hill


หัวเรื่องอิสระ: คุก