คำศัพท์

Personality

      คำว่าบุคลิกภาพ (personality) เป็นคำที่มีรากมาจากภาษาลาติน คำว่า persona หมายถึง หน้ากากที่นักแสดงสวมใส่ในบทบาทต่างๆ  โดยทั่วไปคำว่าบุคลิกภาพจะเกี่ยวข้องกับปัจเจกบุคคล ซึ่งเป็นคุณสมบัติ หรือคุณลักษณะของบุคคล ทำให้คนแต่ละคนแตกต่างกัน   คำว่าบุคลิกภาพเป็นคำที่ใช้ในทางจิตวิทยา   ส่วนการศึกษาทางมานุษยวิทยา บุคลิกภาพจะถูกใช้อธิบายในสาขามานุษยวิทยาจิตวิทยา ซึ่งเป็นการศึกษากระบวนการทางจิต ในวัฒนธรรมต่างๆ โดยอาศัยการศึกษาเก็บข้อมูลภาคสนาม  การศึกษาทางมานุษยวิทยาจะอธิบายบุคลิกภาพที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม

       กอร์ดอน อัลพอร์ตอธิบายว่าบุคลิกภาพคือการจัดระเบียบของจิตที่ต่อเนื่องของบุคคล ซึ่งทำให้บุคคลรู้ว่าตนเป็นใครในสภาพแวดล้อมต่างๆ   แต่การศึกษาทางมานุษยวิทยาก็มีปัญหาในการใช้แนวคิดเรื่องบุคลิกภาพที่ถูกสร้างเป็นกรอบทฤษฎีทางจิตวิทยา  การใช้แนวคิดนี้เพื่อการศึกษาวิจัยมีหลากหลาย  โดยนำทฤษฎีของฟรอยด์มาประยุกต์ใช้ รวมทั้งทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมศาสตร์ และจิตวิทยาแบบมนุษยนิยมด้วย

       ประเด็นที่มีการถกเถียงในสาขามานุษยวิทยาจิตวิทยา เป็นเรื่องเกี่ยวกับแบบแผนของบุคลิกภาพเฉพาะเจาะจงที่มีในวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง หรือ อาจเรียกว่าบุคลิกประจำชาติ     ข้อถกเถียงนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน  ย้อนกลับไปในคริสต์ศตวรรษที่ 13 บาร์โธโลมิวส์ แองกลิคัสพยายามแยกประเภทคนที่เรียกว่าชาวแคนทาเบรียนแห่งสเปน โดยกล่าวว่าคนพวกนี้มีนิสัยขี้ขโมยและโลเล   ส่วนชาวเฟลนเดอร์เป็นพวกรักสงบ ซื่อสัตย์และสุภาพเรียบร้อย  ชาวเยอรมันเป็นพวกห้าวหาญ ดื้อรั้น และทะลึ่งตึงตัง    ต่อมาอีก 500 ปี นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ เจ จี วอน เฮอร์เดอร์ได้วิเคราะห์ในแนวเดียวกับแองกลิคัส โดยกล่าวว่าชาวทะเลที่เรียกว่าฟีเนเซียเป็นพวกละโมบและไว้ใจไม่ได้   ชาวอียิปต์เป็นพวกพูดน้อย และขยัน ศิลปะของชาวอียิปต์จะบ่งบอกถึงความซื่อสัตย์และถูกต้องตามของเดิม  ส่วนพวกโรมันเป็นคนที่กล้าหาญ และเข้มแข็ง

       การศึกษาที่พยายามอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพกับวัฒนธรรม ได้แก่การศึกษาของนักมานุษยวิทยาอเมริกันในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20   มาร์กาเร็ต มี้ดเขียนหนังสือเรื่อง Coming of Age in Samoa .ในปี ค.ศ.1928   มี้ดกล่าวว่าวัฒนธรรมมีส่วนหล่อหลอมให้เกิดบุคลิกภาพ  บุคลิกภาพของวัยรุ่นในสังคมซามัวเกิดขึ้นจากบรรทัดฐานเกี่ยวกับเพศ ซึ่งมีอิสระในการมีสัมพันธ์ทางเพศ  ตรงข้ามกับวัยรุ่นในอเมริกาซึ่งถูกควบคุมทางเพศอย่างเคร่งครัด ทำให้วัยรุ่นอเมริกันมีปัญหา

     ในทางทฤษฎี บุคลิกภาพถูกหยิบยกขึ้นมาพูดด้วยกรอบความคิดแบบโบแอสซึ่งอธิบายเกี่ยวกับตัวแบบทางวัฒนธรรมที่รับมาจากที่อื่น   เอ็ดเวิร์ด ซาเปียร์กล่าวว่าบุคลิกภาพคือหลักฐานของการมีวัฒนธรรม  เนื่องจากวัฒนธรรมมิใช่วัตถุสำเร็จรูปที่มีอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่มีส่วนประกอบของพฤติกรรมและความคิดร่วมอยู่ด้วย   ซาเปียร์อธิบายว่าถ้าเราต้องการทำความเข้าใจวัฒนธรรม เราก็ต้องศึกษาบุคลิกภาพให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดจา กิริยาท่าทาง การสืบเผ่าพันธุ์ และความเชื่อทางศาสนา สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความหมายเกี่ยวกับสถานะของบุคคล

       การวิเคราะห์ตามแนวคิดของซาเปียร์ บางครั้งอาจเรียกว่าเป็นวิธีการศึกษาเค้าโครงของบุคลิกภาพ  ซึ่งรูธ เบเนดิกต์นำแนวคิดนี้ไปพัฒนาในการศึกษาเรื่อง Patterns of Culture   กล่าวคือวัฒนธรรมแต่ละอย่างมีลักษณะเฉพาะประจำตัว และเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะวัฒนธรรมแต่ละชนิดถูกคัดสรร เปลี่ยนแปลง และตกผลึกมาจากพฤติกรรมที่ต่างกัน   เบเนดิกต์กล่าวว่าแบบแผนพฤติกรรมสัมพันธ์กับทางเลือกที่ไม่เฉพาะเจาะจงซึ่งค่อยๆพัฒนาขึ้นในวัฒนธรรม   เบเนดิกซ์เชื่อว่าวัฒนธรรมเกิดมาจากส่วนประกอบทางจิตวิทยาที่เฉพาะตัว   การศึกษาชนเผ่า Pueblo ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกาของเบเนดิกซ์    อธิบายว่าชนเหล่านี้เปรียบเสมือนเทพอพอลโลซึ่งมีบุคลิกแบบสุขุมรอบคอบ และนิยมการเฉลิมฉลอง  ตรงข้ามกับชนเผ่า Kwakiutl ในเขตชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งนิยมการสะสมทรัพย์ และเคารพคนตามฐานะ ชนกลุ่มมนี้จะมีการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรี โดยจัดพิธีกรรมทำลายวัตถุสมบัติ  การกระทำเช่นนี้ทำให้ชาว Kwakiutl เปรียบเสมือนคนที่บ้ายศอำนาจ

      การศึกษาที่อธิบายบุคลิกภาพแตกต่างจากแนวคิดของซาเปียร์ เบเนดิกต์ และมี้ด คือการศึกษาที่ไม่เหมือนกับการเปรียบเทียบข้ามวัฒนธรรม และนำแนวทฤษฎีจิตวิทยามาอธิบายโดยตรง   ทฤษฎีของฟรอยด์มีสมมุติฐานว่ากระบวนการก่อร่างบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่คงที่สม่ำเสมอ และนำไปสู่การแสดงงอกเชิงวัฒนธรรมได้   ฟรอยด์เชื่อว่าจุดกำเนิดของศาสนา ศีลธรรม สังคมและศิลปะ เป็นจุดกำเนิดเดียวกันคือปมโอดิปุส

       อบรัม คาร์ดิเนอร์นำแนวคิดนี้ไปอธิบายวัฒนธรรมว่าเป็นร่องรอยนำไปสู่จิตวิทยาของมนุษย์  คาร์ดิเนอร์ได้พูดถึงเรื่องสถาบันปฐมภูมิ ซึ่งเป็นแบบแผนการจัดระเบียบและการดำรงชีพทางสังคมที่เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก     ประสบการณ์วัยเด็กจะสร้างโครงสร้างของบุคลิกภาพที่มีลักษณะเฉพาะตัว ต่อมาจะพัฒนาไปสู่สถาบันทุติยภูมิ เช่นการสร้างตำนานและศาสนา   ในสังคมของชนเผ่าอะโลรีส ในประเทศอินโดนีเซีย ทฤษฎีของคาร์ดิเนอร์อธิบายว่าผู้หญิงจะยุ่งอยู่กับการทำงานภาคเกษตร จนกระทั่งไม่มีเวลาเลี้ยงดูบุตร    บทบาทของพ่อแม่ในฐานะเป็นผู้เลี้ยงดูเอาใจใส่จึงขาดหายไป    ชาวอะโลรีสมีการสังสรรค์ทางสังคมที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความไม่ไว้วางใจ  และความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์    แต่โคร่า ดูบอยส์ไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายของคาร์ดิเนอร์  โดยกล่าวว่าในสังคมหนึ่งอาจประกอบด้วยคนที่มีหลายแบบ หลายบุคลิกภาพ  บุคลิกภาพจึงไม่มีแบบเดียว  ดูบอยส์จึงพยายามมองหาจุดร่วมของบุคลิกภาพของคนในสังคมที่เหมือนกัน


ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

เอกสารอ้างอิง:

Atran, Scott and Douglas Medin, 2008 The Native Mind and the Cultural Construction of Nature. Cambridge, MA: MIT Press.

Jenkins, Janis H. and Robert J. 2004. Schizophrenia, Culture, and Subjectivity. New York: Cambridge University Press.

Robert H. Winthrop. 1991. Dictionary of Concepts in Cultural Anthropology. Greenwood Press, New York. Pp.213-216.

Whiting, Beatrice and John Whiting. 1975. Children of Six Cultures: a psychocultural analysis. Cambridge, MA: Harvard University Press.

Wierzbicka, Anna 1999. Emotions across Languages and Cultures: diversity and universals. Cambridge, UK: Cambridge University Press.


หัวเรื่องอิสระ: บุคลิกภาพ