เขียนโดย Leclère, Adhémard, 1853-1917 | วันที่เผยแพร่เอกสาร 01/01/2513
ผู้เข้าชม 3444 | จำนวนดาวน์โหลด 0
คะแนนสื่อ
fête de la coupe de la houppe d’ un, Le = พิธีโสกันต์ เจ้าชายที่พนมเปญ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1901
Leclère, Adhémard, 1853-1917
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
J. Przyluski. (Année 1910). rites du Dông Thô : contribution à l'étude du culte du Dieu du sol au Tonkin, Les. Bulletin de l'Ecole française d'Extrême-Orient. Volume 10 Numéro 10 pp. 339-347
ดูเอกสารต้นฉบับจาก www.persee.fr
พิธีโสกันต์ เจ้าชายที่พนมเปญ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1901 (Le fête de la coupe de la houppe d’ un prince royal à Phnôm-Pénh, le 16 mai 1901) โดย Mr. Adhémard LECLÈRE ข้าหลวงใหญ่ที่พนมเปญ (Résident de Phnôm-Pénh) สรุปความโดย ดร.เสาวนิต รังสิยานนท์
พิธีโสกันต์เป็นหนึ่งในสิบพิธีของศาสนาพราหมณ์ ปรากฏอยู่ในเล่มที่ 2 โศลก 65 ของมานวธรรมศาสตร์ (Mânavadharma-çâstra) พิธีของอินเดียแตกต่างจากพิธีของเขมร กล่าวคือพิธีของอินเดียมีวัตถุประสงค์เพื่อโกนศีรษะส่วนบนให้เกลี้ยง ส่วนเขมรพระเป็นผู้ทำพิธีตัดจุก ดังนั้นศาสนาพุทธจึงมีส่วนทำให้พิธีพราหมณ์เปลี่ยนไป ในเขมร ไทย ลาว พม่า มีพิธีโกนผมไฟ (ทำในปีแรกที่เด็กเกิด) ซึ่งผู้เขียนบทความใช้ภาษาเขมรว่า กอร์ สัก เปรย์ (kôr sàk prey) พิธีนี้ปกติทำเมื่อเด็กมีอายุครบหนึ่งเดือนและจะโกนผมเด็กทั้งศีรษะ และต่อไปเด็กก็จะไว้จุก และต้องคอยโกนส่วนอื่นของศีรษะให้เกลี้ยง ทั้งนี้เพื่อความสะอาดหรือเพื่อให้รากผมแข็งแรง ส่วนที่เป็นจุกอยู่กลางศีรษะก็จะเกล้าและปักปิ่น และถอนไรจุกโดยรอบ คนที่ชอบสวยงามก็ล้อมจุกด้วยพวงดอกไม้สีขาวหอมกรุ่นสวยงามมาก ตามคำบอกเล่าของชาวเขมร พิธีโกนจุกเด็กก่อนวัยรุ่นสืบเนื่องจากพระอิศวรโกนพระเกศาพระพิฆเนศวร พระโอรส เมื่อชันษา 11 ปี บนยอดเขาพนมไกรลาส ดังนั้นปะรำพิธีที่ทำพิธีประพรมน้ำพระพุทธมนต์ สำหรับเจ้านายในพิธีโสกันต์จึงสร้างบนยอดเขาจำลอง สมมติว่าเป็นพนมไกรลาส พิธีโสกันต์พิธีแรกทำที่พระราชวังของ Obaréach หรือพระอุปราช เป็นเวลา 3 วัน (15-17 มีนาคม) และวันที่ 3 ตรงกับวันเสาร์ เป็นวันมงคล (thngay sao หรือ Çani) เป็นวันโสกันต์โอรสของอุปราช เจ้านาย และขุนนางชั้นสูง พิธีโสกันต์พิธีที่สอง มีระยะเวลา 7 วัน (13-19 พฤษภาคม) วันที่ 16 ซึ่งวันพฤหัสบดี (thngay Prahassamdey) เป็นวันโสกันต์โอรสของกษัตริย์กัมพูชา พิธีโสกันต์ทั้งสองพิธีนี้มีการฉลองที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันมงคลสำหรับการทำพิธี และวันพฤหัสบดีเป็นวันที่เทพทุกองค์มาประชุมกันเพื่อพิทักษ์รักษา ในปีหนึ่งจะมีฤกษ์ดีสำหรับทำพิธีโสกันต์เพียง 77-78 วัน พิธีนี้เป็นสัญลักษณ์ว่าผู้ที่อยู่ในวัยเด็กจะย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และจะอยู่ในสังคมผู้ใหญ่ โดยปรกติ เด็กจะเข้าพิธีโกนจุกเมื่ออยู่ในระหว่างปีที่ 9, 11, 13 หรือ 15 ของอายุ ส่วนวันที่จะทำพิธี โหราจารย์หรือ “อัจฉริยะ” จะเป็นผู้คำนวณฤกษ์ยามตามวันเกิดของเด็ก และตำแหน่งของดวงดาวตามหลักโหราศาสตร์ โดยถือเอาวันที่เป็นมงคลแก่เด็กเป็นวันทำพิธี ผู้เขียนบรรยายพิธีโสกันต์ที่พระราชวังของนโรดม ว่า มีการสร้างเขาไกรลาสจำลองที่หน้าพระราชวังตามคัมภีร์ของอินเดียและเขมร บนยอดเขามีพลับพลาประดับด้วยม่านผ้าไหมสีแดง ทางด้านตะวันออกของพลับพลามีอ่างทองแดงใบใหญ่ บรรจุน้ำจากแม่น้ำโขง สมมุติเป็นแหล่งน้ำบนยอดเขาพนมไกรลาส รอบเขาไกรลาสประดับด้วยฉัตร มีทางแคบ ๆ ปูด้วยเสื่อทับด้วยผ้าขาว จากห้องผลัดเครื่องทรงจนถึงเชิงพลับพลา สองข้างทางมีรูปเทวดานางฟ้า ด่านล่างมีพลับพลาเล็กอีก 3 หลังอุทิศแด่เทวดา พระวิษณุกรรมและพระโพธิสัตว์ ในระหว่าง 3 วันก่อนถึงวันทำพิธี (13, 14, 15 พฤษภาคม) พระสงฆ์ 12 รูปพร้อมด้วยสมเด็จพระสังฆราช เสด็จและมาที่ Véath Olalom ซึ่งเป็นวัดสำคัญในพนมเปญ โดยนั่งข้างแท่นบูชา โดยหันหลังไปทางทิศใต้ บนแท่นบูชามีเทวรูปพระศิวะ และเครื่องใช้ในพิธีโสกันต์ เช่น น้ำพระพุทธมนต์ สังข์ 4 ใบ กรรไกรเงิน มีดโกนด้ามทอง ด้ามเงิน ด้ามแก้วเจียระไน และด้ามนอแรด หญ้าใต้ต้นโพธิ์ที่เจ้าชายสิทธัตถะประทับนั่งก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ถุงผ้าไหมบรรจุสุพรรณบัตรจารึก พระนามเจ้าชายจันทเลขา ด้านหลังแท่นบูชามีแท่นพระพุทธ และแท่นพราหมณ์ ด้านหน้าพระสงฆ์มีเครื่องบูชาเทวดา ตรงกลางห้องมีเขาพระสุเมรุจำลอง โดยใช้ต้นกล้วยหุ้มด้วยผ้าไหม โดยรอบมีถาดทองบรรจุผลไม้ เมื่อถึงวันพิธีกษัตริย์และพราหมณ์ทรงเครื่องแบบโบราณ คอยรับเจ้าชายจันทเลขาซึ่งเสด็จโดยยานมาศ ตามด้วยขบวนนางกำนัลแต่งกายด้วยสีขาว พราหมณ์เป่าสังข์ และเริ่มพิธีโสกันต์ พระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาฟังสวดวันแรกเพียงวันเดียว เพราะทรงประชวรเนื่องด้วยทรงชราภาพมากแล้ว นอกจากนี้ ผู้เขียนได้บรรยายขบวนแห่ของเจ้าชายจันทเลขาในพิธีโสกันต์ว่า แสดงให้เห็นความรุ่งเรืองในอดีตที่งดงาม มีความมโหฬาร หรูหรา ของราชพิธีโบราณ ในสมัยก่อนที่เขมรจะทำสงครามกับสยามและอันนัม ก่อนที่ชาวยุโรปจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในตะวันออกไกล และทำให้ประเพณีเก่า ๆ ได้รับความกระทบกระเทือน ขบวนแห่ของเจ้าชายจันทเลขาจึงมีทั้งของโบราณและสมัยใหม่คละเคล้ากัน ขบวนแห่นี้ประกอบด้วยคน 800 คน เป็นทหาร 100 คน เดินด้วยเท้าเปล่า มีราชองครักษ์เขมรและมะนิลา มีวงดนตรีฝรั่งเศสมีนักดนตรี 12 คน หัวหน้าวงเป็นชาวมะนิลา ตามด้วยรถลากปืนใหญ่ และช้าง 7 เชือก ประดับงาด้วยทอง เป็นสัญลักษณ์ของวัน 7 วันในสัปดาห์ ต่อจากนั้นเป็นขบวนทหารม้าแต่งตัวแบบโบราณ ส่วนม้าแต่งแบบพม่า ตามด้วยคนถือธง 300 คน แล้วมีนักดนตรีเขมร 16 คน เล่นเพลงฝรั่งเศส หัวหน้าวงเป็นคนมะนิลา นอกจากนี้มีกลุ่มของชาติต่าง ๆ เช่น มาเลย์ จาม จีน ตามด้วยขบวนฆ้อง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของเขมร 200 คน ยานมาศของเจ้าชายจันทเลขานำโดยมยุริฉัตร หญิงสาวแต่งตัวแบบโบราณ ถือสัปทนทำด้วยขนนกยูง เบื้องหลังยานมาศมีขบวนนางใน 100 คน ฯลฯ ขบวนแห่นี้มีในวันที่ 13, 14 และ 15 พฤษภาคม และในวันโสกันต์ (16 พฤษภาคม) ตรงกับเช้าวันพฤหัสบดี ตั้งแต่ 8-9 น. ซึ่งผู้เขียนบทความได้บรรยายกิจกรรมในพิธีไว้อย่างละเอียด เสร็จพิธีโสกันต์แล้ว มีพิธีประพรมน้ำพระพุทธมนต์ โดยเริ่มต้นด้วยการฟ้อนรำ และสมมุติว่านาฏศิลปินเหล่านี้เป็นนางฟ้อนรำของพระศิวะที่เชิงเขาไกรลาส เมื่อเจ้าชายจันทเลขาจะขึ้นไปที่ยอดเขาพระเจ้าแผ่นดินได้มีพระราชบัญชาให้ผู้สำเร็จราชการและข้าหลวงใหญ่ของฝรั่งเศสขึ้นไปถวายน้ำพระพุทธมนต์แด่เจ้าชายบนยอดเขาไกรลาสด้วย เมื่อเสร็จพิธีแล้ว สมเด็จพระนโรดมได้สถาปนาเจ้าชาย จันทเลขาในตำแหน่งรัชทายาท ถึงแม้ในปัจจุบันจะไม่มีผลทางการเมือง แต่ก็เป็นการแสดงว่าเจ้าชายเป็นโอรสองค์โปรด และพระมารดาของเจ้าชายก็จะมีความสำคัญ แล้วเจ้าชายจันทเลขาก็ทรงราชมงกุฎขึ้นยานมาศ เสด็จพร้อมด้วยขบวนเกียรติยศไปในท่ามกลางประชาชนที่ชื่นชมพระองค์ (เขมรเรียกว่าประทักษิณ)
พิธีทำขวัญ
เจ้าชายเสด็จเข้าไปในท้องพระโรง เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น เพื่อทรงประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์ พระครูถวายต้นกล้วย เครื่องบูชา และผ้าจากพานบายศรีแด่เจ้าชายจันทเลขา ซึ่งประทับอยู่ใกล้สมเด็จพระนโรดม ท่ามกลางพระราชวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และประชาชน เมื่อได้ฤกษ์ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน เสร็จแล้วสมเด็จพระนโรดมทรงเจิมเจ้าชายด้วยน้ำมันหอม พระราชทานพรแด่เจ้าชาย พราหมณ์เป่าสังข์ ตอนกลางคืนเจ้าชายจันทเลขาทรงชุดประจำชาติตามราชประเพณีเขมร แล้วเสด็จในห้องเพื่อทรงร่วมงานฉลองพร้อมด้วยสมเด็จพระนโรดมและผู้สำเร็จราชการของฝรั่งเศส
งานเลี้ยง
ตลอดงานฉลองโสกันต์ เจ้ามหาชีวิตพระราชทานของขวัญแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และแขก ผู้เกียรติ และพระราชทานเลี้ยงตอนเช้าและตอนหัวค่ำ ในงานเลี้ยงอาหารเย็นวันสุดท้าย ผู้แทนสมเด็จพระนโรดม ออกมารับของขวัญแทนพระองค์ ซึ่งมีทั้งเงินตรา เงินแท่ง และทองแท่ง จนพิธีด้วยการนมัสการพระพุทธและพระเป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ท้ายบทความมีภาพถ่ายงานฉลองโสกันต์ของเจ้าชายจันทเลขา
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร เข้าสู่ระบบ *